Page 280 - คู่มือตุลาการ เล่มที่ 1 วิ.แพ่ง มีสารบัญ ebook
P. 280

คู่มือปฏิบัติราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง   ๒๕๒


                             ศาลจะต้องสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมเสมอ (ฎีกาที่ ๒๔๘๒/๒๕๑๗) ไม่ว่าคู่ความ

                  จะมีค าขอหรือไม่ก็ตาม (มาตรา ๑๖๗) (ฎีกาที่ ๒๖๓๙ - ๒๖๔๐/๒๕๑๘,๕๑๗/ ๒๕๓๙)  คดีไม่มี

                  ข้อพิพาทฝ่ายเริ่มคดีต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมเอง  ศาลต้องสั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ


                        ๑.๖  ลงลายมือชื่อ

                             ผู้พิพากษาที่พิพากษาหรือท าค าสั่งต้องครบองค์คณะตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม

                  และลงลายมือชื่อไว้ หากผู้พิพากษาคนใดลงลายมือชื่อไม่ได้ก็ให้ผู้พิพากษาอื่นที่เป็นองค์คณะ

                  หรืออธิบดีผู้พิพากษาจดแจ้งเหตุกลัดไว้ในส านวนตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๑ วรรคสอง ทั้งนี้

                  อธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้นอาจมอบหมายให้รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้นและอธิบดี

                  ผู้พิพากษาภาค อาจมอบหมายให้รองอธิบดีผู้พิพากษาภาคหรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาล แล้วแต่กรณี

                  เป็นผู้จดแจ้งเหตุกลัดไว้ในส านวนแทนก็ได้

                             หมายเหตุ

                             กรณีดังกล่าวเป็ นคนละเรื่องกับการลงลายมือชื่อตามมาตรา ๒๘ ถึง ๓๑

                  แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม


                        ๑.๗  ความเห็นแย้ง

                             ผู้พิพากษาซึ่งเป็นองค์คณะคนใดมีความเห็นแย้งก็ให้เขียนความเห็นแย้งแสดงเหตุผล

                  ของตนกลัดไว้ในส านวน (มาตรา ๑๔๐(๒)) ความเห็นแย้งต้องท าเป็นหนังสือ


                             ข้อสังเกต

                             ๑. การใช้ตัวเลขหรือตัวหนังสือควรใช้ให้เหมือนกันทั้งร่างฯกรณีที่ใช้ตัวเลข เช่น

                  จ าเลย ๕ คน โจทก์ที่ ๑ ฯลฯ กรณีที่ใช้เป็นตัวหนังสือ เช่น จ าเลยทั้งห้า ฯลฯ จ านวนเงิน

                  ค่าสินไหมทดแทนและค่าฤชาธรรมเนียมในคดีแพ่งใช้เป็นตัวเลข  โดยไม่ต้องวงเล็บเป็น


                  ตัวหนังสืออีก

                             ตัวอย่าง  การใช้จ านวนเงิน บาท สตางค์  ไม่ควรใช้ ๔๐ บาท ๕๐ สตางค์ ควรใช้ว่า

                  ๔๐.๕๐ บาท


                             ๒. เมื่อโจทก์ถอนฟ้องจ าเลยบางคนและศาลอนุญาตแล้ว ให้ระบุในค าพิพากษาด้วย

                  (ฎีกาที่ ๔๑๘/๒๕๓๙)


                             ๓. การระบุเวลา ใช้ว่า เวลา ๙.๓๐ นาฬิกา ไม่ใช้ ๐๙.๓๐ นาฬิกา หรือ ๙.๓๐ น.

                  เว้นแต่เวลา ๐.๓๐ นาฬิกา

                                ถ้าไม่มีเศษนาที ใช้ว่า เวลา ๙ นาฬิกา ไม่ใช่ ๙.๐๐ นาฬิกา
   275   276   277   278   279   280   281   282   283   284   285