Page 22 - นครรังสิตของเรา
P. 22
“ทุ่งหลวง” ได้กลายเป็น “ทุ่งหลวงรังสิต” เป็นผลมาจากการโครงการ เมื่อบริษัทขุดคลองแลคูนาสยามได้ขุดคลองเข้าไปในเขตทุ่งหลวงรังสิต ปรากฏว่า ข้าราชการในมณฑลกรุงเทพฯ และหัวเมือง ตลอดพ่อค้าประชาชนมารอรับเสด็จ
ขุดคลองในเขตทุ่งหลวง และได้รับการพัฒนาจนเป็นชุมชนเมือง ที่มีความเจริญจน ได้มีคนหลั่งไหลเข้าไปตั้งถิ่นฐานในเขตนี้เป็นจ�านวนมากและภายในระยะเวลา ขึ้นจากเรือพระที่นั่ง พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ พระราชด�าเนินไปประทับ ณ ที่ว่า
เป็นต้นเหตุให้สัตว์ป่าขนาดใหญ่ หลายชนิด เช่น ช้างป่า กระทิง เก้ง กวาง ไม่ลงมา อันรวดเร็ว จ�านวนประชากรที่รายงานโดยทางราชการมีจ�านวนเฉลี่ยประมาณ 35,000 คน ราชการเมืองประทับ ณ ห้องเจริญพระพุทธมนต์ มีพระราชด�ารัสกับพระเถระผู้ใหญ่
ในทุ่งอีก แต่สภาพทุ่งหลวงรังสิตบางส่วนยังคงสภาพที่ลุ่ม หนองบึง เป็นหย่อมๆ ในระยะปี พ.ศ. 2442-2452 (เปรียบเทียบกับตัวเลขจ�านวนประชากรของกรุงเทพฯ คือ พระศาสนโสภณครู่หนึ่งแล้วทรงจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยและทรงศีล เวลา
มีพงหญ้า พงแขม ป่าละเมาะอยู่บ้าง และยังมีสัตว์ป่าอาศัยหากินกันอยู่หลากหลาย ในปี พ.ศ. 2454) มีจ�านวน 340,000 คน และประชากรทั่วประเทศมีจ�านวน 2.3 ล้านคน ประมาณ ๔ โมงเศษ ได้พระฤกษ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับที่พระราชบัลลังก์
ในระยะที่มีการขุดคลองเข้าไปในเขตทุ่งหลวง ปรากฏว่ามีผู้คนเข้าไปตั้งถิ่นฐาน ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาถึงการที่เขตดังกล่าวนี้ มีความเจริญเติบโตรุดหน้า ทั้งด้าน พ.ท. พระฤทธิจักรก�าจร กราบทูลเกล้าถวายชัยมงคลในการทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
อยู่บ้างแล้วเป็นหย่อมๆ โดยพูนดินขึ้นเป็นโคกพ้นน�้า แล้วปลูกเรือนอยู่แต่ยังไม่ ธุรกิจการซื้อขายที่ดิน การผลิตและการค้าข้าวในขณะที่การปกครองดูแลของรัฐบาล ให้สร้างเมืองเสร็จแล้ว น�าค�าถวายรายงานชัยมงคลพร้อมด้วยประวัติเมือง บรรจุที่หีบ
หนาแน่นนัก ด้วยกันดารน�้า และการคมนาคมไม่สะดวก เมื่อบริษัทขุดคลองเข้าไป ยังเข้าไม่ทั่วถึง ได้ท�าให้เกิดปัญหาที่ส�าคัญในเขตนี้โดยพื้นที่อย่างน้อย 2 ประการ คือ ทองค�าลงยาราชาวดี ซึ่งบรรดาข้าราชการได้พร้อมใจกันท�าขึ้นทูลเกล้าถวายพระบาท
ผู้คนก็เริ่มอพยพตามไปพร้อมกันด้วย โดยตั้งบ้านเรือนอยู่ตามสองฝั่งคลองด้วย 1. ปัญหาข้อพิพาทด้วยเรื่องที่ดิน และ 2. ปัญหาโจรผู้ร้ายและการก่ออาชญากรรม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชด�ารัสตอบเสด็จแล้วเสด็จออกที่ว่าราชการเมือง
ไม่อาจอพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานในเขตคลองแสนแสบและคลองประเวศบุรีรมย์ เนื่องจาก ผลก็คือรัฐบาลต้องเข้าไปจัดการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยล�าดับ จนในที่สุดได้จัดตั้งเป็น ทรงชักเชือกเปิดแพรคลุมป้ายชื่อเมือง พระสงฆ์สวดชัยมงคลคาถาทหารกองเกียรติยศ
มีคนคับคั่งแล้ว ในที่สุดเมื่อบริษัทขุดคลองรังสิตคลองแยกและคลองซอยเสร็จเป็น เมืองใหม่ขึ้น คือ เมืองธัญญบูรี ในปี พ.ศ. 2445 (สุนทรี อาสะไวย์, 2556: 7-8) บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีประโคมแตรสังข์ฆ้องชัย พิณพาทย์และได้ชักธงประจ�าเมือง
ภาพที่ 16 ในการสถาปนาทุ่งหลวงรังสิตขึ้นเป็นเมืองธัญญบูรีจากเดิมที่เคยเป็นเขตแดน ขึ้นสู่ยอดเสาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวออกให้ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน เฝ้าชม
การขุดคลองโดยเครื่องจักรขุดของบริษัทขุดคลองแลคูนาสยาม ส่วนใหญ่ (การขุดคลองเสร็จทั้ง 43 คลองใน พ.ศ. 2457) จึงมีผู้คนเข้ามาอยู่ ขึ้นกับเมืองปทุมธานี มณฑลกรุงเทพ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบารมี พ.ท. พระฤทธิจักรก�าจร ผู้ว่าราชการเมือง พร้อมด้วยกรมการในเมืองนี้
ที่มา: www: rangsit.org อย่างหนาแน่นกลายเป็นชุมชนที่มีความเจริญทั้งด้านการท�านาและการค้าขายด้วย ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จเปิดเมืองธัญญบูรีด้วยพระองค์เอง เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ได้ทูลเกล้าถวายนามพ่อค้าและราษฎรที่ถวายข้าว ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
น�้าท่าบริบูรณ์ทุกฤดูกาล และมีเส้นทางไปมาค้าขายได้สะดวก ในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. พ.ศ. 2445 ปรากฏในหลักฐานดังนี้ ได้พระราชทานสัญญาบัตรและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญแก่ข้าราชการ และ
2444 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดฯ ให้จัดการปกครองในเขต “ครั้นถึงวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๔๔๕ เวลาเช้าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ก�านัน เสร็จแล้วเสด็จทอดพระเนตรห้องต่างๆ ของศาลาว่าการเมือง และสถานที่
ทุ่งหลวงรังสิตนี้ใหม่ โดยตั้งเป็นเมืองพระราชทาน ชื่อ “ธัญญบูรี ” แปลว่า “เมืองข้าว”
เจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องแบบทหารเต็มยศ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ราชการต่างๆ เช่น โรงพักพลตระเวน (สถานีต�ารวจ) ศาลและโรงพิพิธภัณฑ์ ซึ่งประดับ
คู่กับเมือง “มีนบุรี” แปลว่า “เมืองปลา” (คือรัชกาลที่ ๗) และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จโดยรถพระที่นั่งจากวังสวนดุสิต ถึงสถานี ประดาด้วยต้นข้าวและเครื่องจับปลาชนิดต่างๆ เสร็จแล้ว ขึ้นประทับที่บ้านผู้ว่าราชการ
รถไฟสามเสน ประทับรถพระที่นั่งโดยมีรถไฟใช้ฝีจักรจูงรถพระที่นั่งออกจากสถานี เมืองชั้นบน ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงออกเป็นเครื่องทรงธรรมดา และเสวยพระกระยาหาร
รถไฟสามเสนประมาณโมงเศษถึงสถานีรถไฟคลองรังสิตเวลาเช้า ๒ โมงเศษ ณ ที่นั้น กลางวัน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงษ์ ส่วนข้าราชการเลี้ยงกันบริเวณรอบๆ บ้านพัก
มีพ่อค้าประชาชนทั้งเมืองปทุมธานีและเมืองธัญญบูรีมารับเสด็จกันมากมาย ผู้ว่าราชการเมือง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรการแข่งม้าฯ เวลาบ่าย
พ.ท. พระฤทธิจักรก�าจร ผู้ว่าราชการเมืองธัญญบูรี ได้อัญเชิญดอกไม้ธูปเทียน ๓ โมงเศษ เสด็จออกพระราชทานแจกเสมาแก่เด็กและประชาชนที่เฝ้าคอย เสร็จแล้ว
และเครื่องสักการบูชาทูลเกล้าถวายเชิญเสด็จเข้าสู่เมืองธัญญบูรีโดยเรือพระที่นั่ง เสด็จพระราชด�าเนินกลับประทับเรือพระที่นั่ง ผ่านวัดมูลจินดารามหยุดเรือพระที่นั่ง
ชื่อ “สมจิตรหวัง” โดยมีเรือกลไฟลากจูงเรือพระที่นั่งถึงเมืองธัญญบูรี เวลาประมาณ ที่สะพานหน้าวัดมูลจินดารามเสด็จพระราชด�าเนินประทับในพระอุโบสถ พระปฏิบัติ
๔ โมงเศษ ระยะทาง ๓๖๘ เส้น เมื่อเรือพระที่นั่งเทียบท่าหน้าเมืองแล้ว ณ ที่นั้นได้มี ราชประสงค์อ่านค�ากราบบังคมทูล ที่ได้ทรงพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงพระราชทาน
18 นครรังสิตของเรา นครรังสิตของเรา 19