Page 239 - นครรังสิตของเรา
P. 239
ก๋วยเตี๋ยวเรือ คือก๋วยเตี๋ยวแบบไทยชนิดหนึ่ง มีรสชาติจัดจ้าน น�้าก๋วยเตี๋ยว
ประวัติก๋วยเตี๋ยวเรือ
สีข้นคล้ายก๋วยเตี๋ยวเนื้อหรือก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น เพราะใส่เครื่องปรุงที่ต่างจากก๋วยเตี๋ยว
“ก๋วยเตี๋ยว” สันนิษฐานกันว่าประเทศไทยมีมาแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ ชนิดอื่น คือ ซีอิ๊วด�า เต้าหู้ยี้เป็นต้น อีกทั้งยังมี น�้าตก คือ เลือดวัวหรือหมูผสมกับ
มหาราช ซึ่งเป็นช่วงที่อาณาจักรอยุธยาติดต่อกับชาวต่างชาติมากมาย และชาวจีน เกลือส�าหรับปรุงใส่ในน�้าก๋วยเตี๋ยว
ก็ได้น�าเอาก๋วยเตี๋ยวเข้ามาสู่อาณาจักรไทยโดยเป็นอาหารกินกันในเรือ มีการต้มน�้าซุป ส�าหรับก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิตเป็นที่โด่งดังและท�าให้ก๋วยเตี๋ยวเรือเป็นที่แพร่หลาย
มีการใส่หมู ใส่ผักและเครื่องปรุงเพื่อความอร่อย แต่ส�าหรับคนไทยแล้วถือว่าเป็น ไปทั่ว เนื่องจากในสมัยที่มีการตัดถนนซุดปอร์ไฮเวย์ ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นถนน
สิ่งที่แปลกใหม่ในยุคนั้นจึงได้น�ามาประกอบเป็นอาหารอื่นๆ บริโภคกันจนเป็นที่รู้จัก วิภาวดีรังสิต ช่วงสะพานข้ามคลองรังสิตจะมีร้านก๋วยเตี๋ยวท�าเป็นเพิงมากมายหลายร้าน
กันเป็นอย่างดี และเป็นการเริ่มให้มีการท�าเส้นก๋วยเตี๋ยวขึ้นหลังจากนั้น ขึ้นป้ายแข่งกันโดยอ้างชื่อ โกฮับ เช่น หลานโกฮับ เหลนโกฮับ เพื่อนโกฮับมากมาย
ต่อมาในสมัยจอมพล ป.พิบูลย์สงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายรัฐ ท�าให้ผู้คนที่ขับรถผ่านมาต้องหยุดรถพักกินก๋วยเตี๋ยวทั้งขาเข้าและขาออกจนเนืองแน่น
นิยมที่สนับสนุนให้ประชาชนบริโภคก๋วยเตี๋ยว เพราะเห็นว่าหากประชาชนหันมาร่วมกัน นายเดชา กลิ่นกุสุม อดีตนายกเทศมนตรีเมืองรังสิต เล่าว่าก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิต
บริโภคก๋วยเตี๋ยวจะเป็นการแก้ไขเศรษฐกิจของชาติในตอนนั้น เพื่อจะได้มีเงินหมุนเวียน แบ่งออกเป็น 3 ยุคคือ ทิวทัศน์ของตลาดประตูน�้ารังสิต
ในประเทศ ดังค�ากล่าวของจอมพล ป.ในสมัยนั้นว่า อยากให้พี่น้องกินก๋วยเตี๋ยวให้ทั่วกัน ยุคแรก พายเรือส�าปั้นขายตามคลองรังสิต และคลองแยกเช่นคลองหนึ่ง คลองสอง จำกข้อมูลสัมภำษณ์ อำจำรย์ไชโย เขียวนนท์ กล่ำวว่ำบ้ำนโกฮับจะอยู่
เพราะก๋วยเตี๋ยวมีประโยชน์ต่อร่างกาย มีรสเปรี้ยว เค็ม หวานพร้อมท�าเองได้ใน และคลองสามฯลฯ โดยโกฮับในเวลากลางวันก็จะมาขายบริเวณใต้ถุนสะพานแล้ว ทำงด้ำนขวำของประตูน�้ำ
ประเทศไทย หาได้สะดวกและอร่อยด้วย หากพี่น้องชาวไทยกินก๋วยเตี๋ยวคนละหนึ่ง ปากคลองสว่าน ริมถนนพหลโยธิน ที่มาของข้อมูล : ส�านักงานเทศบาลเมืองรังสิต
ชาม วันหนึ่งจะมีคนกินก๋วยเตี๋ยวสิบแปดล้านชาม ค่าก๋วยเตี๋ยวของชาติไทยเท่ากับ ยุคที่สอง เริ่มตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ.2501 ยกเรือขึ้นบก แต่นั่งขายอยู่ในเรือ โดย นายกเทศมนตรี เดชา กลิ่นกุสุม
* 1
เก้าสิบล้านสตางค์เท่ากับเก้าแสนบาทต่อวัน เป็นจ�านวนเงินหมุนเวียนมากพอใช้ เงินเก้า ตามเพิงหน้าร้านค้า ซึ่งก็ยังใช้เรือส�าปั้นและอุปกรณ์เดิมๆ ซึ่งจะพบเห็นในตลาดรังสิต ข้อมูลอ้างอิง : การสัมภาษณ์ นายไชโย เขียวนนท์ อายุ 70 ปี อดีตผู้อ�านวยการ
แสนบาทนั้นก็จะไหลไปสู่ชาวไร่ ชาวนา ชาวทะเลทั่วกันไม่ตกไปอยู่ในมือใครคนหนึ่ง ริมถนนพหลโยธิน และบริเวณตลาดเซียร์ตรงสะพาน 3 ปัจจุบันสะพานไม่มีแล้ว โรงเรียนชุมชนวัดบางขัน, ปราชญ์และผู้อาวุโสของท้องถิ่น
คนใดเพียงคนเดียว และเงินหนึ่งบาทก็มีราคาหนึ่งบาทซื้อก๋วยเตี๋ยวได้เสมอ ไม่ใช่ซื้อ มีจ�านวนหลายเจ้าด้วยกันโดยน�าเอาชื่อของโกฮับมาโฆษณา : สัมภาษณ์คุณจรงค์ ธัญญหาญ เจ้าของร้านธัญญมิตร สังฆภัณฑ์
* 2
อะไรก็ไม่ได้เหมือนอย่างทุกวันนี้ ซึ่งเท่ากับไม่มีประโยชน์เต็มที่ในค่าของเงิน ยุคที่สำม คือยุคปัจจุบัน ราว พ.ศ.2537 ขายในแพ หรือใช้เรือต่อขนาดใหญ่ ตลาดรังสิต อดีตช่างตัดเสื้อผู้เคยใกล้ชิดกับโกฮับ
ก๋วยเตี๋ยวมีขายทั่วทุกจังหวัดในประเทศ ซึ่งก็มีชื่อเสียงของแต่ละสถานที่แตกต่าง (เรือเอี้ยมจุ้น) จอดลอยล�าในคลองรังสิต ทอดสะพานให้คนเดินจากริมคลองเข้าไป
กันออกไป ส�าหรับจังหวัดปทุมธานีเรื่องของก๋วยเตี๋ยวไม่เคยเป็นรองใคร และยิ่งเป็น ในเรือ และแพ ขายทั้งกลางวันและกลางคืนมีจ�านวนหลายสิบเจ้า อาจารย์พงศ์สุข นันท์พัฒน์ปรีชา สัมภาษณ์คุณจรงค์ ธัญญหาญ
ก๋วยเตี๋ยวเรือ โดยเฉพาะที่รังสิต ไม่ต้องอธิบายกันมากมาย มีข่าวคราวทางหนังสือพิมพ์ เจ้าของร้านธัญญมิตร สังฆภัณฑ์ ตลาดรังสิต
และทีวี กล่าวถึงอยู่บ่อยครั้ง แม้แต่สื่อมวลชนจากต่างประเทศก็เคยน�าเสนอข่าวเกี่ยวกับ ที่มา : โครงการศึกษาประวัติโกฮับ
ก๋วยเตี๋ยวเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาแล้ว โดย คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
236 นครรังสิตของเรา นครรังสิตของเรา 237