Page 240 - นครรังสิตของเรา
P. 240

ก๋วยเตี๋ยวเรือ คือก๋วยเตี๋ยวแบบไทยชนิดหนึ่ง มีรสชาติจัดจ้าน น�้าก๋วยเตี๋ยว
 ประวัติก๋วยเตี๋ยวเรือ
 สีข้นคล้ายก๋วยเตี๋ยวเนื้อหรือก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น เพราะใส่เครื่องปรุงที่ต่างจากก๋วยเตี๋ยว

 “ก๋วยเตี๋ยว”  สันนิษฐานกันว่าประเทศไทยมีมาแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์  ชนิดอื่น คือ ซีอิ๊วด�า เต้าหู้ยี้เป็นต้น อีกทั้งยังมี น�้าตก คือ เลือดวัวหรือหมูผสมกับ
 มหาราช  ซึ่งเป็นช่วงที่อาณาจักรอยุธยาติดต่อกับชาวต่างชาติมากมาย  และชาวจีน  เกลือส�าหรับปรุงใส่ในน�้าก๋วยเตี๋ยว

 ก็ได้น�าเอาก๋วยเตี๋ยวเข้ามาสู่อาณาจักรไทยโดยเป็นอาหารกินกันในเรือ มีการต้มน�้าซุป  ส�าหรับก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิตเป็นที่โด่งดังและท�าให้ก๋วยเตี๋ยวเรือเป็นที่แพร่หลาย
 มีการใส่หมู  ใส่ผักและเครื่องปรุงเพื่อความอร่อย  แต่ส�าหรับคนไทยแล้วถือว่าเป็น  ไปทั่ว  เนื่องจากในสมัยที่มีการตัดถนนซุดปอร์ไฮเวย์  ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นถนน

 สิ่งที่แปลกใหม่ในยุคนั้นจึงได้น�ามาประกอบเป็นอาหารอื่นๆ  บริโภคกันจนเป็นที่รู้จัก  วิภาวดีรังสิต ช่วงสะพานข้ามคลองรังสิตจะมีร้านก๋วยเตี๋ยวท�าเป็นเพิงมากมายหลายร้าน
 กันเป็นอย่างดี และเป็นการเริ่มให้มีการท�าเส้นก๋วยเตี๋ยวขึ้นหลังจากนั้น   ขึ้นป้ายแข่งกันโดยอ้างชื่อ โกฮับ เช่น หลานโกฮับ เหลนโกฮับ เพื่อนโกฮับมากมาย
 ต่อมาในสมัยจอมพล  ป.พิบูลย์สงคราม  เป็นนายกรัฐมนตรี  ได้มีนโยบายรัฐ  ท�าให้ผู้คนที่ขับรถผ่านมาต้องหยุดรถพักกินก๋วยเตี๋ยวทั้งขาเข้าและขาออกจนเนืองแน่น

 นิยมที่สนับสนุนให้ประชาชนบริโภคก๋วยเตี๋ยว  เพราะเห็นว่าหากประชาชนหันมาร่วมกัน     นายเดชา กลิ่นกุสุม อดีตนายกเทศมนตรีเมืองรังสิต  เล่าว่าก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิต
 บริโภคก๋วยเตี๋ยวจะเป็นการแก้ไขเศรษฐกิจของชาติในตอนนั้น  เพื่อจะได้มีเงินหมุนเวียน  แบ่งออกเป็น  3  ยุคคือ   ทิวทัศน์ของตลาดประตูน�้ารังสิต

 ในประเทศ  ดังค�ากล่าวของจอมพล  ป.ในสมัยนั้นว่า  อยากให้พี่น้องกินก๋วยเตี๋ยวให้ทั่วกัน   ยุคแรก พายเรือส�าปั้นขายตามคลองรังสิต และคลองแยกเช่นคลองหนึ่ง คลองสอง     จำกข้อมูลสัมภำษณ์  อำจำรย์ไชโย เขียวนนท์ กล่ำวว่ำบ้ำนโกฮับจะอยู่
 เพราะก๋วยเตี๋ยวมีประโยชน์ต่อร่างกาย  มีรสเปรี้ยว  เค็ม  หวานพร้อมท�าเองได้ใน  และคลองสามฯลฯ  โดยโกฮับในเวลากลางวันก็จะมาขายบริเวณใต้ถุนสะพานแล้ว  ทำงด้ำนขวำของประตูน�้ำ
 ประเทศไทย  หาได้สะดวกและอร่อยด้วย  หากพี่น้องชาวไทยกินก๋วยเตี๋ยวคนละหนึ่ง  ปากคลองสว่าน ริมถนนพหลโยธิน   ที่มาของข้อมูล  : ส�านักงานเทศบาลเมืองรังสิต

 ชาม  วันหนึ่งจะมีคนกินก๋วยเตี๋ยวสิบแปดล้านชาม  ค่าก๋วยเตี๋ยวของชาติไทยเท่ากับ  ยุคที่สอง เริ่มตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ.2501 ยกเรือขึ้นบก แต่นั่งขายอยู่ในเรือ      โดย นายกเทศมนตรี เดชา  กลิ่นกุสุม
                        * 1
 เก้าสิบล้านสตางค์เท่ากับเก้าแสนบาทต่อวัน เป็นจ�านวนเงินหมุนเวียนมากพอใช้ เงินเก้า  ตามเพิงหน้าร้านค้า ซึ่งก็ยังใช้เรือส�าปั้นและอุปกรณ์เดิมๆ ซึ่งจะพบเห็นในตลาดรังสิต   ข้อมูลอ้างอิง   :   การสัมภาษณ์ นายไชโย เขียวนนท์  อายุ 70 ปี  อดีตผู้อ�านวยการ
 แสนบาทนั้นก็จะไหลไปสู่ชาวไร่ ชาวนา ชาวทะเลทั่วกันไม่ตกไปอยู่ในมือใครคนหนึ่ง  ริมถนนพหลโยธิน และบริเวณตลาดเซียร์ตรงสะพาน 3 ปัจจุบันสะพานไม่มีแล้ว     โรงเรียนชุมชนวัดบางขัน, ปราชญ์และผู้อาวุโสของท้องถิ่น
 คนใดเพียงคนเดียว และเงินหนึ่งบาทก็มีราคาหนึ่งบาทซื้อก๋วยเตี๋ยวได้เสมอ ไม่ใช่ซื้อ  มีจ�านวนหลายเจ้าด้วยกันโดยน�าเอาชื่อของโกฮับมาโฆษณา       :    สัมภาษณ์คุณจรงค์ ธัญญหาญ เจ้าของร้านธัญญมิตร สังฆภัณฑ์
                        * 2
 อะไรก็ไม่ได้เหมือนอย่างทุกวันนี้ ซึ่งเท่ากับไม่มีประโยชน์เต็มที่ในค่าของเงิน   ยุคที่สำม คือยุคปัจจุบัน ราว พ.ศ.2537  ขายในแพ หรือใช้เรือต่อขนาดใหญ่     ตลาดรังสิต อดีตช่างตัดเสื้อผู้เคยใกล้ชิดกับโกฮับ

 ก๋วยเตี๋ยวมีขายทั่วทุกจังหวัดในประเทศ ซึ่งก็มีชื่อเสียงของแต่ละสถานที่แตกต่าง   (เรือเอี้ยมจุ้น)  จอดลอยล�าในคลองรังสิต  ทอดสะพานให้คนเดินจากริมคลองเข้าไป
 กันออกไป      ส�าหรับจังหวัดปทุมธานีเรื่องของก๋วยเตี๋ยวไม่เคยเป็นรองใคร    และยิ่งเป็น  ในเรือ และแพ  ขายทั้งกลางวันและกลางคืนมีจ�านวนหลายสิบเจ้า   อาจารย์พงศ์สุข นันท์พัฒน์ปรีชา สัมภาษณ์คุณจรงค์ ธัญญหาญ

 ก๋วยเตี๋ยวเรือ โดยเฉพาะที่รังสิต  ไม่ต้องอธิบายกันมากมาย   มีข่าวคราวทางหนังสือพิมพ์              เจ้าของร้านธัญญมิตร สังฆภัณฑ์ ตลาดรังสิต
 และทีวี กล่าวถึงอยู่บ่อยครั้ง แม้แต่สื่อมวลชนจากต่างประเทศก็เคยน�าเสนอข่าวเกี่ยวกับ                   ที่มา : โครงการศึกษาประวัติโกฮับ
 ก๋วยเตี๋ยวเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาแล้ว                                                    โดย คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี


 236  นครรังสิตของเรา                                                                                                              นครรังสิตของเรา     237
   235   236   237   238   239   240   241   242   243   244   245