Page 25 - Digital Thailand pocket book TH
P. 25
- 22 -
engineer และด้าน system engineer มีไม่เพียงพอต่อความต้องการของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล
ภายในประเทศ โดยทักษะของบุคลากรที่จะเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมากที่สุด
คือ ทักษะประเภท object oriented design และ programming นอกจากนี้ จากรายงานของส านักงานสถิติ
แห่งชาติ ได้จัดกลุ่มสายงานวิชาชีพด้านไอซีทีที่คาดว่าจะเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล
ในประเทศไทยภายในระยะเวลา 5 ปี ได้แก่ 1) สายงานด้าน cloud computing 2) สายงานด้าน big data และ
3) สายงานด้าน mobile application and business solution เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่
สามารถรองรับความต้องการและพฤติกรรมการใช้งานของกลุ่มผู้บริโภคที่มีความหลากหลายได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ
กลุ่มผู้ปฏิบัติงานที่มีการใช้ไอซีทีในการท างาน และผู้ประกอบการเป็นบุคลากรอีกกลุ่มที่ส าคัญ
แต่ปัจจุบัน สัดส่วนของกลุ่มผู้ปฏิบัติงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในสถานประกอบการ ยังไม่สูงนัก ซึ่งสถาน
ประกอบการเหล่านี้ยังไม่เห็นความจ าเป็นในการน าคอมพิวเตอร์มาใช้ประกอบธุรกิจ ดังนั้น การสร้าง digital
competency ในกลุ่มผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูง เป็นสิ่งจ าเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน
ทั้งนี้ การสร้างแรงจูงใจ (incentive) เพื่อให้ผู้ประกอบการหันมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการปฏิบัติงานถือเป็นสิ่ง
ที่ผู้ก าหนดนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลต้องค านึงถึง
ดังนั้น ประเทศไทยจ าเป็นต้องมีการพัฒนาก าลังคนทั้งปริมาณและคุณภาพ กล่าวคือ พัฒนากลุ่มทักษะ
ที่เป็นที่ต้องการ นอกจากนี้ ยังต้องมีการปรับโครงสร้างก าลังคนทางด้านดิจิทัลอย่างเป็นระบบในลักษณะของ
การบูรณาการ เพื่อเตรียมความพร้อมทางด้านก าลังคนดิจิทัลร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้ไปสู่ระบบเศรษฐกิจและสังคมที่ขับเคลื่อนด้วย
นวัตกรรม ที่จะเกิดวิชาชีพใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลแห่งอนาคต
6. กฎหมาย กฎเกณฑ์ และกฎระเบียบ
ที่เอื้อต่อการพัฒนาดิจิทัล
แม้ว่าในปัจจุบันการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
เช่น การค้าขายผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์จะมีทั้งปริมาณและ
14
มูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปี พบว่าใน พ.ศ. 2557-2558 มีมูลค่า
2.03 ล้านล้านบาท และ 2.11 ล้านล้านบาท ตามล าดับ แต่
ประชาชนจ านวนมากยังขาดความเชื่อมั่นในการท าธุรกรรมผ่านทางออนไลน์ เนื่องจากกลัวการถูกฉ้อโกงจาก
การซื้อสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์ นอกจากนี้ ความก้าวหน้าทางไอซีทียังมาควบคู่กันกับภัยคุกคาม
ทางไซเบอร์ ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ระดับบุคคลและระดับประเทศ โดยข้อมูลสถิติด้านภัยคุกคามทางไซเบอร์
ของไทยปี พ.ศ. 2557 รวบรวมโดย ThaiCERT พบว่า Malicious code ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้
ระบบเกิดความขัดข้องหรือเสียหาย เป็นภัยคุกคามไซเบอร์อันดับ 1 ของประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วนถึง
ร้อยละ 43.3 และจากสถิติภัยคุกคามประจ าปี พ.ศ. 2558 ปรากฏว่ามีภัยคุกคามประเภทต่างๆ รวมทั้งสิ้น
4,371 เรื่อง และไทยเป็นประเทศที่มีการแจ้งเหตุภัยคุกคามมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือประเทศ
เยอรมนีและสหรัฐอเมริกา ตามล าดับ การเฝ้าระวัง การป้องกันและรับมือกับภัยคุกคามจึงต้องอาศัยความ
รวดเร็ว เพราะมีผลกระทบต่อการขาดความเชื่อมั่นในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลในมิติต่างๆ รวมถึงความ
สูญเสียและความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
14 ส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน), การส ารวจมูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย พ.ศ. 2558