Page 24 - รายงานปรัชญากลุ่ม3
P. 24

๒๐


               กระบวนการผลิตครู



                       สมัยนั้นเน้นการเลือกสรรนักเรียนเป็นพิเศษไม่ใช่รับจากบุคคลทั่วไปกระบวนการคัดเลือกใช้การสังเกต

               หลายขั้นตอนเป็นระยะเวลานานโดยการทดลองปฏิบัติเพื่อที่จะเลือกเฟ้นหาเอาคนที่มีพรสวรรค์ที่จะเป็นครูตั้งแต่

               กำเนิดหรือเอาบุคคลที่ได้รับการฝึกให้เป็นครูแล้วมาเรียนทฤษฎีในภายหลังดังนั้นกระบวนการผลิตครูในนั้นจะเน้น

               การปฏิบัติให้ชำนาญก่อนแล้วจึงเรียนรู้ทฤษฎีภายหลัง (รังสรรค์ ทิมพันธ์พงษ์.  ๒๕๒๗: ๖๐-๖๑)


               การพัฒนาหลักสูตรและโครงสร้าง



                       เมื่อ พ.ศ.๒๔๓๕ มี ๒ หลักสูตรคือหลักสูตรประกาศนียบัตรครูสอนภาษาไทยและประกาศนียบัตรครูสอน

               ภาษาอังกฤษ  ต่อมาเปิดหลักสูตรเพื่อผลิตครูชั้นมูลศึกษาประถมศึกษาและมัธยมศึกษาและภายหลังมีหลักสูตรวิชา

               ชีพและพลศึกษาเนื่องจากการขยายตัวของหลักสูตรทำให้แบ่งหลักสูตรการฝึกหัดครู  ออกเป็นหลักสูตรฝึกหัด

               ครูสามัญ  หลักสูตรฝึกหัดครูกสิกรรม  ฝึกหัดครูหัตถกรรม  และฝึกหัดครูพลศึกษา  ระดับของหลักสูตร  เริ่มตั้งแต่

               หลักสูตรครูประกาศนียบัตรจังหวัด (ว.) รับผู้จบระดับประถมศึกษามาเรียน ๑ ปี ต่อมามีหลักสูตรครูมูล (ป.)

               รับผู้จบชั้นมัธยมปีที่ ๔ มาเรียนต่อ ๒ ปี หลักสูตรครูประถม (ป.ป.) รับผู้จบมัธยมปีที่ ๖ มาเรียนต่อ ๓ ปี และ

               หลักสูตรประโยคครูมัธยม (ป.ม.) รับผู้จบหลักสูตรครูประถม มาเรียนต่ออีก ๒ ปี (หนึ่งศตวรรษ  การฝึกหัดครูไทย.

               มปป: ๑๐๐)


                       เมื่อ  พ.ศ.๒๔๑๑  มีการแบ่งการศึกษาการเล่าเรียนศึกษาที่ได้จัดอยู่  ๒  ชนิด  คือการเล่าเรียนแบบสามัญ

               และการเล่าเรียนพิเศษลำดับ แบ่งลำดับขั้นได้ดังนี้


               การเล่าเรียนแบบสามัญ


                              ๑.การเล่าเรียนเบื้องแรก (มูลศึกษา)


                              ๒.การเล่าเรียนเบื้องต้น (ประถมศึกษา)
                              ๓.การเล่าเรียนเบื้องกลาง (มัธยมศึกษา)


                              ๔.การเล่าเรียนเบื้องสูงสุด (อุดมศึกษา)
               การศึกษาพิเศษ


                       ชนิดการเล่าเรียนนั้น เป็นการเรียนวิชาจำเพาะสิ่งหรือความรู้อย่างให้ชำนาญ เป็นต้นว่า

                              ๑.ฝึกหัดครูผู้เป็นอาจารย์ ผู้รับราชการฝ่ายพลเรือนและผู้รังวัดทำแผนที่
   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29