Page 672 - Full paper สอฉ.3-62
P. 672

แต่ละชุด พร้อมทั้งข้อสอบก่อนเรียนและหลังเรียนให้  ของแบบฝึกทักษะไว้ว่า “แบบฝึกทักษะท าให้นักเรียนเข้าใจ
             สอดคล้องกับเนื้อหาและจุดประสงค์การเรียนรู้ ส่งให้  บทเรียนมากยิ่งขึ้น  ฝึกให้นักเรียนท างานตามล าดับโดยมีความ

             ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ แล้วน าแบบฝึกที่ผ่านการตรวจสอบจาก  รับผิดชอบในงานที่รับมอบหมาย” และ ยุพา  ยิ้มพงษ์ (2522:15)
             ผู้เชี่ยวชาญไปทดลองใช้ จากนั้นบันทึกผลเพื่อน ามาปรับปรุง  กล่าวว่า “แบบฝึกทักษะเป็นส่วนเพิ่มเติมหรือเสริมหนังสือ

             แก้ไขส่วนที่บกพร่อง ท าการปรับปรุงจนมีประสิทธิภาพตาม  เรียนในการฝึกทักษะให้ดีขึ้น ช่วยในเรื่องความแตกต่าง
             เกณฑ์ที่ตั้งไว้  แล้วน าไปใช้จริงและเผยแพร่ต่อไป” ผลการวิจัย  ระหว่างบุคคล”
             ครั้งนี้ยังสอดคล้องกับ  นิตยา  กลิ่นโกมุท (2550:บทคัดย่อ) ที่  7. ข้อเสนอแนะ
             ได้ศึกษาการพัฒนาการเรียนรู้เรื่องการวิเคราะห์รายการค้าใน      7.1 ข้อเสนอแนะเพื่อการน าผลการวิจัยไปใช้

             วิชาบัญชีเบื้องต้น 1 โดยใช้ชุดฝึกปฏิบัติของนักเรียนระดับชั้น            7.1.1 การสร้างแบบฝึกทักษะที่มีคุณภาพควรสร้างขึ้น
             ปวส.1/4 โรงเรียนระยองพาณิชยการผลการวิจัยปรากฏว่า  เพื่อฝึกสิ่งที่จะสอน มิใช่ทดสอบว่านักเรียน เรียนรู้อะไรบ้าง จึง

             ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาบัญชีเบื้องต้น 1 เรื่องการวิเคราะห์  จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียน
             รายการค้า ของนักเรียน มีค่าเฉลี่ยหลังเรียน (ร้อยละ 16.00) สูง            7.1.2 การฝึกทักษะควรเริ่มจากข้อ หรือชุดที่ง่ายไม่
             กว่าก่อนเรียน (ร้อยละ 9.30) และคล้องกับการวิจัยของสุภา  ซับซ้อน เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจกระบวนการคิดและวิเคราะห์

             ภรณ์  มนิระพงศ์ (2550:บทคัดย่อ) ที่ได้ศึกษาการพัฒนาชุดฝึก      7.2 ข้อเสนอแนะเพื่อการศึกษาในครั้งต่อไป
             บทเรียนส าเร็จรูปเรื่องการวิเคราะห์รายการค้า ของนักเรียนชั้น            7.2.1 ควรมีการพัฒนาแบบฝึกทักษะในเรื่องหรือวิชา

             มัธยมปีที่ 6 โรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัย ผลการวิจัยปรากฏว่า มี  อื่นๆ ที่รับผิดชอบให้มีคุณภาพมากขึ้น
             ประสิทธิภาพ 87.01/84.48 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์80/80 และมีดัชนี            7.2.2 ควรมีการวิจัยเจตคติของนักเรียนที่มีต่อการเรียน
             ประสิทธิผล เท่ากับ 92.00 นักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนส าเร็จรูป  โดยใช้แบบฝึ กที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเพื่อแก้ไขปรับปรุงและ
             มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้นจากก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญ  ประยุกต์ใช้กับแบบฝึกทักษะชุดต่อไป

             ทางสถิติที่ระดับ .01 และนักเรียนมีความพึงพอใจในการเรียน  เอกสารอ้างอิง
             โดยใช้ชุดฝึ กบทเรียนส าเร็จรูปในระดับเหมาะสมมาก  [1]  กุศยา แสงเดช, “แบบฝึก คู่มือการพัฒนาการเรียนการสอนที่เน้น

             นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับการวิจัยของ สุพัตรา  คงเรียน   ผู้เรียนเป็นส าคัญ”, กรุงเทพมหานคร:ส านักพิมพ์แม็ค, 2545.
             (2550:บทคัดย่อ) ที่ได้ศึกษาการพัฒนาแบบฝึกทักษะ วิชาการ  [2]  ค ารณ  ล้อมในเมือง และรุ้งฟ้า ล้อมในเมือง, “ คู่มือฝึกปฏิบัติการ
             บัญชีเบื้องต้น 1 เรื่อง การวิเคราะห์รายการค้า ส าหรับนักเรียน  การวิจัยในชั้นเรียน เล่น2/1”, “เรื่องการสร้างและพัฒนาแบบฝึก

             ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสองคอนวิทยาคม จังหวัดสระบุรี   ทักษะ ม.ป.ป”.
             ผลการวิจัยพบว่า แบบฝึกทักษะการบัญชีเบื้องต้น 1 เรื่องการ  [3]  ธารินี  พงศ์สุพัฒน์, “การบัญชีขั้นกลาง II”, พิมพ์ครั้งที่ 6,

             วิเคราะห์รายการค้า มีประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 85.08/89.38   กรุงเทพมหานคร : ภาควิชาการบัญชี คณะบริหารธุรกิจ,
                                                                  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2553.
             นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน  [4]  พูลสิน กลิ่นประทุม, “การบัญชีชั้นกลาง 2”,  พิมพ์ครั้งที่ 6 (ฉบับ
             โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชา การบัญชีเบื้องต้น 1 เรื่อง การ  ปรับปรุง), กรุงเทพมหานคร : บริษัท ทริปเพิ้ลเอ็ดดูเคชั่น จ ากัด,

             วิเคราะห์รายการค้า อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05   2555.
                  6.2 ผู้เรียนมีค่าเฉลี่ยความก้าวหน้าในการเรียนโดยใช้แบบ  [5]  ล้วน  สายยศ  และอังคณา  สายยศ,  “หลักการสร้างแบบทดสอบ
             ฝึกทักษะ เรื่อง การรับหุ้นส่วนใหม่ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ซึ่ง  ความถนัดทางการเรียน”,  กรุงเทพฯ วัฒนาพานิช, 2527.

             ผู้เรียนทุกคนมีผลต่างที่ได้จากการทดสอบก่อนและหลังเรียน
             เพิ่มขึ้น โดยคิดค่าคะแนนที่เพิ่มขึ้นสูงสุดอยู่ที่ร้อยละ 650 และ
             ค่าคะแนนที่เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดอยู่ที่ร้อยละ 41.67 แต่เมื่อคิดค่า

             คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 264.43 ผลการวิจัยสอดคล้องกับ รัชนี
             ศรีไพวรรณ (2517:12) ที่กล่าวถึงประโยชน์และความส าคัญ



                                                              7
                                                                                                              654
   667   668   669   670   671   672   673   674   675   676   677