Page 45 - khlongsamwa
P. 45

38




                       เป็นหลานของท่าน น่าเรื่องขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
                       รัชกาลที่ 5 ขออพยพชาวมอญจากเมืองพระประแดงไปจับจองที่ดินในพื้นที่ต่าง ๆ และขอพระราชทาน

                       พระบรมราชานุญาตขุดคลองขึ้นพร้อมกัน
                                          ด้วยปรากฏว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทาน

                       พระบรมราชานุญาต ดังนั้นพระยาด่ารงราชพลขันธ์จึงเกณฑ์ชายฉกรรจ์ชาวมอญที่สมัครใจไปขุด

                       คลองบางแก้ว คลองปลัดเปลียง คลองกระทุ่ม คลองวัดหนามแดง คลองตัน คลองหนองบัว คลองใหม่
                       (คลองเสือตาย) และคลองบางนา แต่พื้นที่ที่ให้จับจองยังไม่เพียงพอ จึงให้ชาวมอญอพยพไปจับจอง

                       พื้นที่อื่น ๆ ได้แก่ คลองต้นนุ่น คลองสามต้นนุ่น คลองสามเจ้าเมือง (คลองลาดกระบัง) คลองล่าปะทิว
                       เขตลาดกระบัง คลองสิบหก ต่าบลศีรษะกระบือ อ่าเภอองค์รักษ์ จังหวัดนครนายก คลองสามวา

                       ตะวันออก คลองสามวาตะวันตก และคลองสี่ตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร แล้วให้

                       อพยพชาวมอญจากเมืองนครเขื่อนขันธ์ ไปตั้งถิ่นฐานบริเวณพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2419 เป็นต้นมา
                       และยังคงมีลูกหลานสืบทอดต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

                                         ส่าหรับคลองสามวาเป็นคลองที่ขุดเชื่อมระหว่างคลองแสนแสบกับคลอง 6 วา

                       โดยกรมหมื่นภูธเรศธ่ารงศักดิ์ (หม่อมเจ้าชายทวีถวัลย์ลาภ) ชาตะปี พ.ศ. 2398 มรณะปี พ.ศ. 2442
                       พระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 กับเจ้าจอมมารดาตลับ) เป็น

                       แม่กองควบคุมการขุดขึ้น มีขนาดลึก 6 ศอก กว้าง 3 วา เสร็จแล้วให้ขุดคลองซอย จากคลองสามวา
                       ทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของคลอง ตั้งแต่คลอง 1 - 4 เมื่อปี พ.ศ. 2419 จากนั้นได้ให้ชาวมอญจาก

                       หมู่บ้านแช่ บ้านทรงคะนอง บ้านทะมัง บ้านเต้อ บ้านจั่งบี และบ้านเวฮะราว จากเมืองนครเขื่อนขันธ์

                       หรือเมืองพระประแดง หรือปากลัดอพยพไปจับจองพื้นที่บริเวณคลองสอง คลองสามตะวันออก
                       คลองสามตะวันตก และคลองสี่ตะวันตก ในปี พ.ศ. 2420 แล้วสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยอยู่ริมสองฝั่ง

                       คลองดังกล่าวโดยยึดอาชีพการท่านา ท่าสวน ตามฤดูกาล
                                         มีข้อสังเกตประการหนึ่ง คือ การสร้างบ้านเรือนของชาวมอญ นิยมสร้างให้มีความยาว

                       ของบ้านขวางไปตามล่าคลองซึ่งต่างกับคนไทยนิยมสร้างบ้านให้ความยาวของตัวบ้านไม่ขนานไปตาม

                       ล่าคลองด้วยเหตุนี้เองจึงนิยมเรียกชาวมอญว่า “มอญขวาง” มาจนถึงปัจจุบัน
                                         ชาวมอญที่อพยพมาจับจองพื้นที่ท่านาและท่าสวนในระยะแรก ๆ จะอาศัยอยู่

                       ตามฤดูกาล เมื่อท่านาเสร็จก็จะเดินทางเรือ ขนข้าวของทรัพย์สินกลับมายังบ้านพระประแดง

                       (ปากลัด) พอถึงฤดูกาลท่านาก็เดินทางกลับไปยังถิ่นที่จับจองไว้ เพื่อท่านา ท่าสวนต่อไป สลับ
                       หมุนเวียนอยู่เช่นนี้หลายปี ด้วยเหตุนี้ชาวมอญจึงมีบ้านอาศัยอยู่ 2 แห่ง คือที่พระประแดง และที่คลอง

                       สามวาตะวันตก คลองสี่ตะวันตก แม้แต่ปัจจุบันนี้บางบ้านก็ยังมีอยู่ ครั้นต่อมาเกิดความไม่สะดวกหลาย

                       ประการ จึงอพยพมาอยู่ถาวร เมื่อชาวมอญอพยพไปอยู่กันอย่างถาวรเพิ่มมากขึ้น จึงคิดสร้างวัดเพื่อ
   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50