Page 48 - khlongsamwa
P. 48

41




                       และพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อมีพระราชด่าริให้
                       มีการขุดคลองแสนแสบขึ้น บรรพบุรุษเหล่านั้นได้ถูกเกณฑ์เข้าร่วมในการขุดคลองด้วย ภายหลังจึงได้รับ

                       อนุญาตให้ถือครองที่ดินและอยู่อาศัยบริเวณริม 2 ฝั่งคลองแสนแสบนับแต่นั้นมาบรรพบุรุษเหล่านั้น
                       ได้ร่วมกันสร้างมัสยิดขึ้นเป็นหลังแรกในบริเวณเหนือเมืองมีนบุรีไปทางทิศตะวันออก ระยะแรกเป็น

                       มัสยิดที่ปลูกสร้างด้วยไม้ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

                       ได้เสด็จประพาสทางชลมารค จากกรุงเทพมหานคร ไปเมืองแปดริ้วเพื่อปราบปรามพวกอั้งยี่ผ่านมา
                       ทางคลองแสนแสบ เรือกลไฟพระที่นั่งได้เกิดเครื่องยนต์ขัดข้องที่บริเวณหน้ามัสยิด แก้ไขอยู่นาน

                       ก็ไม่ส่าเร็จ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงทรงร่าพึงขึ้นว่า หากบริเวณนี้มี
                       ผู้มีบุญญาธิการสถิตอยู่ ขอให้เครื่องยนต์เดินได้เป็นปรกติตามเดิมด้วย พระองค์จะสร้างอนุสรณ์เป็น

                       กุศลไว้แก่หมู่บ้านนี้ ทันใดนั้นเครื่องยนต์เรือพระที่นั่งก็เดินได้เป็นปรกติ จากนั้นพระองค์ทรงมี

                       พระกระแสรับสั่งให้ทหารมหาดเล็กขึ้นไปบนฝั่งเพื่อสอบถามว่า กองดินกองทรายที่น่ามากองไว้ริมคลอง
                       นั้นมีวัตถุประสงค์จะสร้างอะไร ก็ได้รับค่าตอบจากผู้อาวุโสที่พ่านักอยู่ในบริเวณนั้นว่า จะสร้างอาคาร

                       มัสยิดหรือ “สุเหร่า” พระองค์จึงทรงรับสั่งกับมหาดเล็กที่ติดตามว่า เสร็จกิจปราบปรามพวกอั้งยี่

                       กลับเข้าพระนครแล้ว ให้น่าอิฐ หิน ทราย มาสมทบยังบริเวณกองดินกองทรายนี้ อย่างละ 7 ล่าเรือ
                       เพื่อพระราชทานสมทบในการก่อสร้างอาคารมัสยิดหลังใหม่ มัสยิดหลังที่เป็นอาคารคอนกรีตจึงได้เกิด

                       ขึ้นมาตั้งแต่ครั้งนั้น






















                                      นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ยังได้พระราชทาน
                       ที่ดินจ่านวน 40 ไร่ เป็นใบเดินทุ่งให้กับทรัสตีสุเหร่าทรายกองดิน ซึ่งที่ดินดังกล่าวปัจจุบันใช้เป็น
   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53