Page 38 - คู่มืออบรม Smart ONIE เพื่อสร้าง Smart Farmer เพื่อฝึกอบรมเกษตรกรต้นแบบ ( Master Trainer) สำนักงาน กศน.จังหวัดศรีสะเกษ
P. 38
ขั้นที่ 2 ทฤษฎีใหม่ขั้นกลำง
เมื่อเกษตรได้เริ่มต้นปฏิบัติตามเกษตรทฤษฎีใหม่ขั นต้นแล้ว มีความพอเพียง และความมั่นคงในขั น
พื นฐานระดับหนึ่งแล้ว ในขั นตอนต่อมาจึงเป็นเรื่องของการรวมกลุ่มเกษตรกรในรูปแบบต่าง เช่น กลุ่มเกษตรกร
สหกรณ์ หรือวิสาหกิจ ซึ่งการร่วมมือกันนี ก็เพื่อสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ นกับกลุ่มโดยรวม บนพื นฐานของการไม่
เบียดเบียนกัน การแบ่งปันช่วยเหลือกันตามกําลัง และความสามารถของตน ซึ่งจะทําให้ชุมชนโดยรวมเกิดความ
พอเพียงในวิถีปฏิบัติด้วย
ขั้นที่ 3 ทฤษฎีใหม่ขั้นก้ำวหน้ำ
กลุ่มเกษตรกรที่ได้ดําเนินการตามทฤษฎีใหม่ในขั นกลาง จนประสบความสําเร็จเบื องต้น อาจก้าว
เข้าสู่ขั นก้าวหน้า โดยการประสานความร่วมมือกับองค์กรอื่นๆ ในระดับประเทศ เพื่อยกระดับการทําธุรกิจ และ
การพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร เช่น การทําความร่วมมือกับธนาคาร เพื่อนําเงินมาลงทุนในธุรกิจ หรือการ
ทําข้อตกลงกับบริษัท เพื่อขายผลผลิตให้ในประเทศไทย มีหน่วยงานจํานวนมาก โดยเฉพาะหน่วยงานราชการ
ที่ส่งเสริมเกษตรทฤษฎีใหม่ แต่หน่วยงานประสานงานหลัก คือ มูลนิธิชัยพัฒนา
กำรป้ องกันและก ำจัดวัชพืชโดยไม่ใช้สำรเคมี
ปัญหำกำรใช้สำรเคมีก ำจัดวัชพืช
สารกําจัดวัชพืช (Herbicide) เป็นสารที่มีคุณสมบัติในการใช้กําจัดวัชพืช หรือพืชที่ไม่ต้องการให้ขึ น
ในช่วงระยะใดระยะหนึ่ง เพื่อไม่ให้มีวัชพืชขึ นแข่งขันกับการเจริญเติบโตของพืชปลูก โดยไม่ให้มีผลความเป็นพิษ
ของสารต่อพืชหรือมีน้อยที่สุด เพื่อให้พืชปลูกมีการเจริญเติบโตที่ดี ได้ผลผลิตดีตามที่ต้องการ หรืออาจเป็นการ
กําจัดวัชพืชในที่ที่ไม่ต้องการให้มีวัชพืชขึ น เช่น ที่รกร้าง ข้างถนน ทางรถไฟ โบราณสถาน ป่าไม้ สวนผลไม้
สวนยาง ปาล์มน ํามัน ฯลฯ เป็นต้น
สารกําจัดวัชพืชยังอาจเป็นสารชนิดที่เลือกทําลายเฉพาะวัชพืช โดยไม่เป็นอันตรายต่อพืชปลูก (ถ้าพ่น
สารอย่างถูกต้องตามคําแนะนํา ทั งชนิดของสารที่ใช้กับชนิดของพืชปลูก วิธีการใช้ อัตราการใช้ ระยะเวลาการใช้
เครื่องมือที่ใช้พ่น ฯลฯ เป็นต้น) แต่สารที่เลือกทําลายดังกล่าว อาจกลายเป็นสารไม่เลือกทําลายได้ ถ้ามีการใช้สาร
สูงเกินอัตรามากจนพืชนั นไม่สามารถทนทานได้ หรือการพ่นสารที่ไม่เป็นอันตรายต่อพืชที่พ่น แต่ละอองสารที่พ่น
อาจปลิวไปโดนพืชอื่นที่ปลูกข้างเคียงที่ไม่ใช่พืชที่ใช้กับสารชนิดนั น ก็จะมีผลทําให้พืชข้างเคียงนั นเป็นพิษหรือตาย
ได้ เช่นเดียวกับการพ่นสารกําจัดวัชพืชประเภทไม่เลือกทําลาย ที่สามารถเป็นพิษกับพืชทุกชนิด การพ่นสาร
ประเภทนี ผู้พ่นจะต้องใช้ความระมัดระวังมาก ที่จะไม่ให้ละอองสารปลิวไปโดนพืชอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงที่ไม่ต้องการ
พ่น ทําให้พืชที่โดนสารเป็นพิษเสียหาย จนอาจเป็นข้อพิพาทระหว่างกันได้ การใช้สารกําจัดวัชพืชตามอัตราที่
แนะนําหรือกําหนด อย่างถูกต้องตามวิธีการใช้ จะสามารถควบคุมหรือกําจัดวัชพืชได้โดยพืชปลูกไม่เป็นพิษ
หรือสามารถทนต่อสารได้และเจริญเติบโตให้ผลผลิตเป็นปกติ
-33-