Page 36 - คู่มืออบรม Smart ONIE เพื่อสร้าง Smart Farmer เพื่อฝึกอบรมเกษตรกรต้นแบบ ( Master Trainer) สำนักงาน กศน.จังหวัดศรีสะเกษ
P. 36
ระบบเกษตรเพื่อสุขภำพและสิ่งแวดล้อม
ทุกวันนี นั นก็มีเกษตรอีกหลายระบบเป็นอย่างมาก ที่ได้มีการพัฒนาขึ น เพราะการพัฒนาระบบเกษตร
ในยุคนี นั นก็ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สําคัญเป็นอย่างมาก เพราะทุกคนนั นก็จะได้รับการทําการเกษตรในรูปแบบที่ดี
มากยิ่งขึ นนั่นเอง แถมระบบเกษตรในยุคนี นั นก็ยังมีความปลอดภัยเป็นอย่างมากซึ่งระบบเกษตรเพื่อสุขภาพและ
สิ่งแวดล้อมนั นจริงๆ แล้วก็สามารถที่จะแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ด้วยกัน คือ
1. ระบบเกษตรที่เน้นความสําคัญในด้านความปลอดภัยของผลผลิตในการบริโภค
2. ระบบที่ต้องการสร้างความมั่นคงให้กับการผลิตและเกษตรกร
3. ระบบที่ให้ความสําคัญกับเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เกษตรอินทรีย์
เกษตรอินทรีย์ คือ ระบบกำรผลิตที่ให้ควำมส ำคัญกับควำมยั่งยืนของสุขภำพดิน
ระบบนิเวศ และผู้คน เกษตรอินทรีย์พึ่งพาอาศัยกระบวนการทางนิเวศวิทยา ความหลากหลายทางชีวภาพ และ
วงจรธรรมชาติ ที่มีลักษณะเฉพาะของแต่ละพื นที่ แทนที่จะใช้ปัจจัยการผลิตที่มีผลกระทบทางลบ เกษตรอินทรีย์
ผสมผสานองค์ความรู้พื นบ้าน นวัตกรรม และความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และส่งเสริม
ความสัมพันธ์ที่เป็นธรรม และคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกผู้คนและสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง” นัยของเกษตรอินทรีย์
ตามนิยามของสหพันธ์ เกษตรอินทรีย์นานาชาติมองเกษตรอินทรีย์ในฐานะของการเกษตรแบบองค์รวม ที่ให้
ความสําคัญในเบื องต้นกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศการเกษตรและทรัพยากรธรรมชาติ แต่ขณะเดียวกันก็
ไม่ได้ละเลยมิติด้านสังคมและเศรษฐกิจ เพราะความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อมไม่อาจดํารงอยู่ได้โดยแยกออกจาก
ความยั่งยืนทางสังคมและเศรษฐกิจของเกษตรกรและสังคมโดยรวม
เกษตรธรรมชำติ
เกษตรธรรมชำติ คือ ระบบเกษตรที่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสอดคล้อง สร้างผลผลิตพืชและสัตว์
ให้เหมาะสมกับระบบนิเวศของพื นที่ โดยไม่แบ่งแยกทุกสิ่งออกจากธรรมชาติ พยายามแทรกแซงการใช้ปัจจัย
การผลิตและเทคโนโลยีทางการผลิตให้น้อยที่สุด ทําให้ระบบการเกษตรและธรรมชาติเกื อกูลซึ่งกันและกันอย่าง
เป็นองค์รวม เพื่อให้เกษตรกรสามารถมีชีวิตอยู่อย่างพอเพียงและพึ่งตนเองได้
รูปแบบการทําเกษตรธรรมชาติ จะเน้นการนํากระบวนการควบคุมธรรมชาติโดยธรรมชาติ โดยไม่มี
การใช้สารเคมีในการป้องกันและกําจัดศัตรูพืช รวมทั งไม่ใช้ปุ๋ยเคมีหรือเทคโนโลยีใดๆ เข้ามาแทรกแซงหรือใช้ใน
การปรับปรุงทรัพยากรธรรมชาติ การดําเนินกิจกรรมธรรมชาติจะต้องไม่ไถพรวนดิน ซึ่งก่อให้เกิดการทําลาย
โครงสร้างดิน เนื่องจากธรรมชาติได้สร้างให้ดินมีกระบวนการที่เป็นการไถพรวนในตัวเอง
โดยการชอนไชจากรากพืช สัตว์ แมลง และสิ่งมีชีวิตเล็กๆในดินอยู่แล้ว การไม่ใช้ปุ๋ยเคมีจะมีผลดีต่อ
โครงสร้างดินและความอุดมสมบูรณ์ของดินในระยะยาว การไม่กําจัดวัชพืชในฐานะที่เปรียบเสมือนเป็นพืชคลุม
ดิน หรือพี่เลี ยงให้กับต้นไม้ปลูกใหม่ เกษตรกรต้องเรียนรู้วิธีการใช้ประโยชน์จากวัชพืช เช่น ใช้วัชพืชควบคุม
-31-