Page 34 - รวมอารยธรรมเกือบเสร็จ
P. 34
๓๐
นาฏศิลป ์ และดุริยางคศิลป ์
นาฏศิลป ์
สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีการรื้อฟื้นละครของหลวงขึ้นมาใหม่หลังเลิกไป
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งยังละครของเอกชนก็ยังได้รับอนุญาตให้ผู้หญิงเล่นได้ด้วย
จึงมีคณะละครเกิดขึ้นเป็นจ านวนมาก และการเปลี่ยนแปลงครั้งส าคัญของละครไทยคือเปลี่ยนผู้เล่นละคร
จากชายมาเป็นหญิง จนกระทั่งละครที่เล่นโดยชายล้วนไม่มีอีกต่อไปทั้งท าให้เกิดบทละครใหม่ๆ ขึ้นอีก
มากมายเพราะแต่ละคณะก็ได้พยายามปรับปรุงบทละครของคณะตนขึ้นโดยเฉพาะ นอกจากนั้นบทพระราช
นิพนธ์ละครนอกก็ยังได้รับอนุญาตให้ละครเอกชนน าไปแสดงได้ด้วย บทละครใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในสมัย
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้แก่ รามเกียรติ์ตอนพระรามเดินดง นารายณ์ปราบนนทุก พระราม
เข้าสวนพิราบซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพระราชนิพนธ์ และเรื่องอภัยนุราชของสุนทรภู่ เป็นต้น
สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแนวคิดและวิถีชีวิตของคนตะวันตกแพร่ขยายเข้าสู่
สังคมไทยมากขึ้นศิลปินไทยในราชส านักเริ่มเกิดความคิดว่าดนตรีและนาฎศิลป์ ของคนไทยยืดยาดเยิ่นเย้อ
ไม่ทันการณ์เมื่อเปรียบเทียบกับดนตรีนาฎศิลป์ ของฝรั่ง จึงมีการเปลี่ยนแปลงตัดทอนนาฏศิลป์ และดนตรี
ไทยให้การด าเนินเรื่องเป็นไปอย่างรวดเร็วจึงมีผู้นิยมมากขึ้น มีผู้จัดโรงละครประจ าและเก็บเงินจากผู้เข้าชม
เป็นครั้งแรก คือ ปรินส์เธียเตอร์ ของเจ้าพระยามหินทร-ศักดิ์ธ ารง (เพ็ง เพ็ญกุล) ละครที่เกิดขึ้นในสมัย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้แก่ ละครพูด เริ่มมีครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๕ ตัวละครเป็นชาย
ล้วน เล่นกันโดยไม่มีบทตัวละครเจรจากันเองแต่มีท้องเรื่องก ากับไว้ ละครร้อง เป็นละครผู้หญิงซึ่งเป็นการ
แสดงละครแบบฝรั่ง ผู้แสดงแต่งกายธรรมดาไม่มีการร่ายร ามีแต่รองและออกท่าทางตามบท ละครพันทาง
เป็นการน าเอาการเล่นละครใน ละครนอกและงิ้วมาดัดแปลง มีทั้งท่าร าไทยและท่าร าที่ดัดแปลงมาจาก
ต่างชาติ เช่น พม่า ลาว จีน แขก เรื่องที่เล่นมักจะเป็นเรื่องราชาธิราชและพระอภัยมณี ละครดึกด าบรรพ์ เป็น
ละครผู้หญิงวิวัฒนาการมาจากบทมโหรีคอนเสิร์ต มีลักษณะคล้ายคลึงกับละครใน แต่ทว่าปรับปรุงให้ดีขึ้น
ละครดังกล่าวล้วนเป็นละครร่วมสมัยและมีพลังรุนแรงพอจะขับไล่นาฏศิลป์ เก่า เช่น ละครใน
ละครนอก ละครชาตรี ให้เสื่อมความนิยมลงไปได้มากในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
นอกจากนี้ยังมีการแสดงเกิดขึ้นอีกอย่าง คือ ลิเก ดัดแปลงมาจากบทสวดบูชาพระเจ้าของชาวมลายูจน
กลายเป็นการละเล่นของไทยไปในที่สุด การเล่นมีการออกแขกเบิกโรง มีการร าและใช้ปี่พาทย์อย่างละคร
แต่งตัวคล้ายละครนอก มักเล่าเรื่อง สังข์ทอง ไกรทอง ด าเนินเรื่องราว แต่งตัวสีฉูดฉาดท าให้ได้รับความนิยม
จากชาวบ้านมาก