Page 35 - รวมอารยธรรมเกือบเสร็จ
P. 35

๓๑




                        งานทางด้านนาฏศิลป์ ได้รับการฟื้นฟูและเจริญรุ่งเรืองมากในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า

               เจ้าอยู่หัวมีการจัดตั้งกรมมหรสพขึ้น เพื่อบ ารุงนาฏศิลป์ และการดนตรีของไทยเอาไว้ทั้งยังมีกรมขึ้นกับกรม

               มหรสพหลายกรม เช่น กรมโขนหลวง กรมปี่พาทย์หลวง เป็นต้น ขณะเดียวกันพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ

               เกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงเข้าร่วมแสดงละครกับข้าราชบริพารอยู่เสมอท าให้อาชีพศิลปินได้รับการส่งเสริมและ
               ยกระดับขึ้นมามากและยังท าให้ละครไทยเดิมไม่สูญหายไป ในสมัยนี้ละครพูดเจริญก้าวหน้ามาก

               พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงก าเนิดละครพูดแบบใหม่ขึ้นโดยมีสติละครทั้งชายจริงหญิงแท้

               เล่นปนกัน พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์ละครพูดประมาณ ๑๒๐ เรื่อง เช่น หัวใจนักรบ เวนิสวานิส กุศโล

               บาย วิวาห์พระสมุทรฯลฯ ในสมัยนี้โขนก็ได้รับการสนับสนุนเป็นอันมากมีทั้งโขนของหลวง และคณะโขน

               ของเอกชน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ บทร้องและบทพากย์รามเกียรติ์

               ส าหรับเล่นโขนอีก ๖ ชุด เช่น ชุดสีดาหาย ชุดเผาลงกา ชุดจองถนน ( สินชัย กระบวนแสง และณรงค์ เขียน

               ทองกุล , ๒๕๔๑ : ๑๘๑-๑๘๒ )


                     ดุริยางคศิลป ์


                         สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วงดนตรีของไทยยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องแต่

               มีการปรับปรุงบางอย่าง โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงคิดสร้างระนาดเหล็กและ

               ระนาดทุ้มเหล็กเพิ่มในวงปี่พาทย์เรียกว่า วงปี่พาทย์เครื่องใหญ่และยังน ามาใช้กับวงมโหรีแต่ย่อลดขนาดปี่

               พาทย์ให้เหมาะสมที่จะบรรเลงกับเครื่องดนตรีในวงเครื่องสายกลายมาเป็นวงมโหรีเครื่องใหญ่ ต่อมาใน

               สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ า กรมพระยานริศรานุวัดติ
               วงศ์ทรงคิดประดิษฐ์วงปี่พาทย์ให้แสดงกับละครดึกด าบรรพ์ โดยตัดเครื่องดนตรีที่มีเสียงแหลมสูงออก

               ระนาดเอกตีด้วยไม้นวม กลองทัดเปลี่ยนเป็นกลองตะโพน มีขลุ่ยอู้ ซออู้ และฆ้องหมุ่ย ๗ ใบ


                        สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่ นาฎดุริยางคศิลป์ ได้รับการท านุบ ารุงอย่างดียิ่ง ทรง

               จัดตั้งหน่วยงานขึ้นรับผิดชอบสงวนรักษาและส่งเสริมนาฎดุริยางคศิลป์ ของไทยขึ้นโดยตรง ได้แก่ กรม

               มรสพ และกองปี่พาทย์หลวง นอกจากนั้นยังทรงตั้งโรงเรียนพรานหลวงขึ้นเพื่อฝึกหัดนาฎศิลป์ ดุริยางคศิลป์

               แก่เยาวชนผู้สนใจ สมัยนี้หลวงประดิษฐ์ไพเราะ(ศรศิลปบรรเลง)ได้สร้างอังกะลุงแบบไทยโดยเลียนแบบ

               อังกะลุงของชวา (อินโดนีเซีย) ขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งเป็น

               ช่วงเวลาที่ประทศไทยตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจตกต ่าพระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้ยุบกรมมหรสพและโรงเรียน

               พรานหลวงเสีย แต่การสืบทอดนาฏดุริยางคศิลป์ ก็ยังมีอยู่ สมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเองก็

               ทรงโปรดดนตรีไทยและได้ทรงพระราชนิพนธ์เพลงไทย ๓ เพลงคือ โหมโรงคลื่นกระทบฝั่ง ราตรีประดับ
   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40