Page 30 - ตำนานการสวดพระมาลัย
P. 30
๒๔
ู
"คงจะเป็นพวกพรานดักนก หน เก้ง กวาง นั่นกระมัง?"
ั้
"ใช่ขอรับ พระคุณเจ้า และนอกไปกว่านนก็ยังมีพวกพรานดักคนไปขายเป็นสินค้าอีก เพราะเห็น
แก่ประโยชน์ส่วนตัวอย่างเดียว ไม่คํานึงถึงความเดือดร้อนทรมาณของคนอื่น เลยต้องมารับกรรม
เช่นนี้แหละ ขอรับ"
พอดีขณะที่ยมบาลพูดจบนั่นเอง มีสัตว์นรกพวกหนึ่ง กําลังเดินมาด้วยท่าทางระโหยโรยแรงเต็ม
ี
ที ครั้นเหลือบเห็นแม่น้ําอยู่เบื้องหน้าเชนนน ก็มีความปีติยินด ขยับฝีเท้าวิ่งเข้ามาโดยไม่รั้งรอ ด้วย
่
ั้
หวังที่จะดื่มน้ําดับความกระหายให้สมใจ และโดยไม่ได้มองเห็นเครือหวายที่กีดกั้นใดๆทั้งสิ้น พวกมัน
พุ่งตัวโครมหมายจะลงสู่แม่น้ําทันทีทันใด
แนนอน! ไม่มีตัวใดจะไม่ปะทะเข้ากับเครือหวายเบื้องหน้า ต่างก็พากันถูกเครือและหนามหวาย
่
ิ้
บั่นร่างกาย ขาดเป็นท่อนน้อยใหญ่ในฉับพลัน พวกมันได้แต่ส่งเสียงร้องโอดโอย และดับดนสิ้นใจไป
อย่างน่าสยดสยอง และน่าสมเพชเวทนาเป็นที่สุด
์
มีบางตัวที่วิ่งมาข้างหลัง พอเห็นเพื่อนร่วมทุกขประสบกับอันตรายอย่างร้ายแรงเช่นนั้น ก็ตน
ื่
ตระหนกตกใจกลัว และหันหลังวิ่งกลับไปอย่างไม่คิดชีวิต แต่ขณะเดียวกัน ผู้คุมซึ่งคอยดูแลอยู่แถวนั้น
เหลือบมาเห็น ก็ฉวยค้อนเหล็กอันใหญ่ กระโจนไล่กวดตดตามไปในฉับพลัน คว้าไหล่ของมันไว้ พร้อม
ิ
กับดึงเข้ามาประเคนค้อนเหล็ก ลงกลางกระหม่อมเต็มเหนี่ยว
"โอย! ช่วยด้วย"
สัตว์นรกผู้เคราะห์ร้ายร้องลั่นดวยความเจ็บปวดรวดร้าว เหมือนศีรษะจะแตกทลายไปในบัดดล
้
ั้
แต่ยิ่งร้อง ค้อนเหล็กในมือของผู้คุม ยิ่งกระหน่ําลงอย่างมันมือ และเพียงไม่กี่โปฺก สัตว์นรกตนนน ก็พา
ร่างที่โชกด้วยเลือด ทรุดฮวบม่อยกระรอกไป ครั้นแล้ว ผู้คุมก็คว้าร่างที่ปราศจากสติสตังนั้น โยน
กลับมายังกองหวาย ร่างขาดสะบั้นหั่นแหลกไปทันใด
อนิจจา! ช่างน่าสงสาร
หลังจากที่ออกจากแดนเครือหวายแล้ว ยมบาลก็พาพระเถระ ตระเวนต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ื
แดนต่อไป คอ แดนขี้เถ้า ซึ่งอยู่ถัดแดนเครือหวายเพียงเล็กน้อย