Page 2 - book1
P. 2

แม ไมเคยสอนเราใหรองไห
               แตแลวใครเลาหนาที่มาสอน

                 แมมีแตหวงหาเอื้ออาทร

            แมราวรอนเมื่อใครสอนลูกรองเอง



                    เกิดความคิดนี้ขึ้นมา  เมื่อได้เห็น “คุณแม่”  ที่อุ้มลูกไว้ในอ้อม
        แขนแล้วจะได้ยินคําที่คุ้นเคยจนเป็นสูตรติดปากของแม่ทุกคนว่า ยิ้มหวาน

        ซิลูก ยิ้มสวย ๆ ทําตาหวาน บ้ายบายสวย ๆ ส่งจูบ และอะไรๆอีกมากมาย
        ที่แม่จะพรํ่าสอนให้แก่ลูก แต่ไม่เคยได้ยินแม่คนไหนเลยที่สอนให้ลูกร้องไห้
        สวย ๆ  หรือใครเคยได้ยินบ้าง ?

                    แล้วลองมาคิดกันเล่นๆดูว่าใครกันที่สอนให้เราต้องร้องไห้ก็ตัว
        ของเราเองตั้งแต่แรกเกิดมาเลย....แล้วใครต่อใครอีกเยอะแยะไปหมด ลอง

        ลําดับเหตุการณ์ ของแต่ละคนดูก็แล้วกัน   รับรองว่าบางคนนับกันไม่ถ้วน
        แน่ๆ ถ้าได้คําตอบจนเป็นที่พอใจแล้วลองหันกลับไปดูความรู้สึกของแม่เรา
        ทีว่าท่านน่าสงสารขนาดไหนที่ต้องคอยมองดูลูกอันเป็นที่รัก  มานั่งฟูมฟาย

        ร้องไห้ซํ้าแล้วซํ้าอีก   เพราะคนอื่น  ทั้งๆที่เขาเหล่านั้นไม่เคยฟูมฟักเลี้ยงดู
        เราเลยด้วยซํ้าไปคิดแล้วเศร้าจัง !

                    แล้วที่สําคัญคือ  เราเองกลับเป็นผู้ที่สอนให้แม่ของเรา ร้องไห้
        เสียเองใช่ไหม ลองช่วยกันคิดดูว่าตั้งเกิดมาจนถึงปัจจุบันนี้ เราทําให้แม่เรา
        ร้องไห้แล้วกี่ครั้งและแต่ละครั้งนั้นทําให้แม่เราอายุสั้นลงๆๆ ทุกที  ฝากถาม

        ลูกทุกคนทีว่าจะให้แม่เราตายไปพร้อมกับ  “รอยยิ้ม” ด้วยความสุข    หรือ
        “คราบนํ้าตา” ด้วยความเสียใจ  ซึ่งอาจจะมีเราเป็นส่วนหนี่งของสาเหตุนั้น
        ก็ได้ที่มาของบทความนี้  เขียนขึ้นมาจากส่วนลึกของความรู้สึกที่อยากเขียน

        โดยคิดย้อนไปถึงตอนที่ยังเด็กแม่จะบอกว่า  เป็นเด็กที่ชอบพูดชอบคุยชอบ
        ถามมาก แม่จะบอกตลอดว่าลองเขียนสิ่งที่พูดที่คุยที่ถามในแต่ละวัน ดูสิว่า
   1   2   3   4   5   6   7