Page 6 - book1
P. 6
- 3 -
บทที่ 1
แมไมเคย สอนเรา ใหรองไห แตแลวใคร เลาหนา ที่มาสอน
จะเรียบเรียง เขียนไว เปนบทกลอน เปนอุทาหรณ สอนใหไ ดคิดกัน
ตั้งแต่จําความได้จนถึงปัจจุบัน ได้สังเกตเป็นการส่วนตัวว่า เท่าที่พบ
เห็นแม่ทุกคน(อยากคิดว่าทั้งโลกนี้) เชื่อว่าไม่มีแม่คนไหนจะอุตริ สอนให้ลูกของตน
ร้องไห้เป็น ร้องไห้สวย ๆ เลยจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มร้องหรือพัฒนาการของการ
ร้องไห้ของมนุษย์เราแน่ ๆ อยากจะสรุปอย่างไม่เป็นทางการหรือวิชาการก็ได้ว่า การ
ร้องไห้เป็นเรื่องหรือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่ทุกชนชาติในโลกนี้จะร้องได้เอง
อย่างอัตโนมัติ โดยไม่ต้องมีใครสอนหรือฝึกหัดกันเลย และก็แปลกที่เด็กๆทุกชาติ
จะมีเสียงร้องที่เหมือนกันพอๆกับหัวเราะเลยนะ
ยังมีข้อสงสัยเพิ่มมาอีกว่า มีใครบ้างที่เคยวิเคราะห์ วิจัยหรือยังว่าการ
ร้องไห้เพราะดีใจ กับการร้องไห้เพราะเสียใจ แล้วนํ้าตาที่ไหลออกมานั้น มาจากบ่อ
นํ้าตา บ่อเดียวกันหรือไม่นะอยากรู้จริง ๆ อันนี้ เป็นข้อสงสัยที่ติดมาตั้งแต่เด็กแล้ว
และ ได้ประสบเหตุการณ์จริงกับตัวเองว่า ครั้งหนึ่งอยากร้องไห้อย่างหาสาเหตุไม่ได้
หรือหาได้แต่ตัวเองอาจจําไม่ได้ประมาณนี้ จําได้ว่าไปบอกแม่ว่าอยากร้องไห้จริง ๆ
ตอนแรกแม่ก็ตกใจมองหน้าเราสักพักหนึ่งแล้วก็บอกว่า ร้องเลยลูกร้องให้พอใจเลย
เพราะนํ้าตาเป็นของเราไม่ต้องเสียเงินไปซื้อหามา เราก็ร้องจริงซึ่งแม่ก็ไม่ยอมปลอบ
นะ พอร้องเสร็จก็บอกให้พี่เลี้ยงพาไปอาบนํ้าให้ตัวเย็น ๆ แล้วมาพบแม่ที่รออยู่ด้วย
นํ้าสองแก้วใหญ่ๆ บอกแกมบังคับให้ดื่มนํ้าให้หมดทั้งสองแก้ว ก็ถามทันทีว่าทําไม
ต้องดื่มนํ้าตั้งสองแก้ว แม่ก็ตอบทันทีเหมือนกันว่า ก็ดื่มเพื่อเติมนํ้าตาที่หมดไปเมื่อ
กี้ไง ถ้าเกิดอยากร้องอีกจะได้มีนํ้าตาพอที่จะไหลออกมาอีกนะ
มารู้ทีหลังว่าแม่สอนปรัชญาชีวิตให้เราตั้งแต่เด็กเลยว่า ต้องเตรียมตัว
เตรียมใจให้พร้อม สําหรับเรื่องที่จะเข้ามาหาเรา และจะทําให้เราเดือดร้อนได้อย่างมี
สติไม่ประมาท และที่ให้พี่เลี้ยงพาไปอาบนํ้าก่อนก็เพื่อให้เราได้มีโอกาส ปรับตัวเอง
ให้อารมณ์ปกติ สบายตัวสบายใจก่อนที่รับรู้หรือแก้ปัญหาใด ๆ ที่เกิดกับเรา เป็นการ