Page 10 - book1
P. 10
- 7 -
บทที่ 4
ใครคนนั้น ของเราเ ขาคือแม ผูแนวแน รักลูกได ไมเสื่อมสูญ
อีกทั้งพอ ที่คอยชวย คอยเกื้อกูล นับเปนบุญ ที่ไดเกิด กําเนิดมา
จากที่ค่อยๆเรียงความรู้สึกของเราเองว่า ทุกครั้งที่เราร้องขึ้นมา คนที่
เรียกตัวเองว่า “แม่” ก็จะรีบมาหาแล้วอุ้มมากอดไว้แนบอก แล้วอีกมือหนึ่งก็จะคอย
ลูบเบา ๆ จะคอยถามเราตลอดเวลาว่า เป็นอย่างไรบ้างลูกรัก ร้องไห้ทําไม เจ็บตรง
ไหน ปวดตรงไหน เปียกหรือปวดท้องหนัก-เบา หิวนม หิวนํ้า สารพัดคําถาม อีก
ทั้ง “พ่อ” ก็คอยช่วยเวลาที่แม่ต้องทําอย่างอื่นให้เรา ถ้าอากาศร้อนก็จะคอยอาบนํ้าให้
สบายตัว พัดวีให้เวลานอน หรือถ้าอากาศเย็นก็จะสวมเสื้อผ้าให้อบอุ่น ห่มผ้าหรือ
กอดนอนให้ลูกอุ่นกายอุ่นใจ จากประสบการณ์ของตัวเองแล้ว คิดว่าเป็นบุญอย่างยิ่ง
ที่ได้เกิดมา ท่ามกลางความรักของพ่อแม่ที่ประเสริฐ มีบรรยากาศของครอบครัวที่
อบอุ่น รักและดูแลสมาชิกในครอบครัวเป็นอย่างดี จนนํามาเป็นแบบอย่าง ในการ
ดําเนินชีวิตได้จนถึงปัจจุบันนี้
แต่ในมุมกลับ (ตามประสาคนคิดมาก) ถ้าหากไปเกิดในครอบครัวที่
ไม่พร้อมล่ะ ความรู้สึกของคนที่เป็นลูกนั้น จะออกมาในอารมณ์ไหนกัน ถ้าร้อง
มาก ๆ แม่ก็จะละล้าละลังทําอะไรไม่ถูก คนเป็นพ่อก็จะคอยตวาดว่าให้ลูกร้องอยู่ได้
หนวกหูคนจะหลับจะนอน ฯลฯ การเลี้ยงดูก็จะว่ากันตามมีตามเกิด แร้นแค้นน่าดู
แล้วจะเรียกว่า “บุญหรือกรรม”กันแน่ ก็คงต้องมีบุญตรงที่มีชีวิตรอดมา แล้วมาใช้
กรรมที่สั่งสมมาก็แล้วกัน เผลอ ๆ เขาจะจิกเรียกว่ามารหัวขนอีกชื่อหนึ่งเลยนะ...
คงต้องอุทานเป็นภาษาวัยรุ่นว่า “กรรม”