Page 14 - book1
P. 14
- 11 -
บทที่ 7
ตอมาเมื่อ รูจัก ตัวเองแลว ก็ไมแคลว ตองโยเย และเฉไฉ
คอยติติง วาสูงต่ํา ดําขาวไป แลวรองไห ไมพอใจ ในตนเอง
เมื่อเติบโตจําความได้บ้างแล้ว ก็จะเจอกับโจทย์ข้อใหม่อีกว่า หน้า
เหมือนพ่อหรือเหมือนแม่นะ พ่อแม่ขาว- แล้วทําไมลูกดํา พ่อแม่ดํา- แล้วทําไมลูก
ขาวทําไมสวย-ขี้เหร่ ผิดพี่ผิดน้อง ลูกจริงหรือขอจากคนอื่นมาเลี้ยงหรือเปล่า.....
สารพัดคําถามที่มักจะก่อให้เกิดความคับข้องใจในเด็กๆเสมอ แล้วยังจะมีความเชื่อ
ต่างๆตามมาอีกบานเบอะเลย เช่น
- ลูกชายหน้าเหมือนพ่อ จะอาภัพ อนาคตจะไม่ค่อยรุ่งเรือง ฯลฯ
- ลูกสาวหน้าเหมือนแม่ จะอาภัพ อนาคตจะไม่ค่อยรุ่งเรือง ฯลฯ
- ลูกชายหน้าเหมือนแม่ จะโชคดี เจริญรุ่งเรืองประสบความสําเร็จ ฯลฯ
- ลูกสาวหน้าเหมือนพ่อ จะโชคดี เจริญรุ่งเรืองประสบความสําเร็จ ฯลฯ
อาจจะเพราะผู้ใหญ่ในสมัยโบราณไม่ได้เรียน หรือไม่ทราบเรื่องพันธุ-
กรรมของมนุษย์ ก็เลยไม่ทราบว่า “จุดเด่น” และ “จุดด้อย” จะปรากฏในรุ่นใดของ
การดํารงเผ่าพันธุ์ก็ได้ ซึ่งบางครั้งการพูดเล่นๆ เป็นการเย้าแหย่กับเด็กอาจจก่อให้เกิด
ปมด้อยเด็กอย่างไม่ตั้งใจก็ได้ เพราะเด็กที่ยังไม่รู้แยกแยะว่าอันไหนจริงอันไหนเล่น
ก็มักจะคล้อยตามคําพูดของผู้ใหญ่เสมอ ทั้ง ๆที่บางครั้งใจอาจจะไม่ยอมเชื่อแต่คําพูด
นั้นอาจจะหลอนอยู่ในความรู้สึกของเด็กตลอดไปก็ได้ใครจะรู้
แล้ววิชาโหราศาสตร์ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณก็กลายเป็น วิชาที่อยู่ยงคง
กระพัน ที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของคนไทยตลอดมา อย่างไม่เสื่อมสูญหรือจางไปเลย
ในปัจจุบัน ถือเป็นอาชีพหรือธุรกิจหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมอย่างมากมายของคนทุก
ระดับชั้นเลยก็ว่าได้ ซึ่งพิจารณาดูตามจริงแล้วถ้ามีความรู้จริงและบริสุทธิ์ใจก็ได้บุญ
เพราะทําให้คนได้ความสบายใจ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในทางที่ดีได้ แต่ตรงกัน
ข้ามถ้าไม่มีความรู้จริงและไม่บริสุทธิ์ใจแล้วก็จะได้บาปแทน เพราะเป็นการเพิ่มทุกข์
ให้กับคนที่ทุกข์ใจอยู่แล้วและบางครั้งอาจเป็นการทําลายความมั่นใจ หรือบุคลิกของ