Page 33 - จากบุตรช่างสู่บัลลังก์ศาล
P. 33

สมัย ๖๔ ผู้เขียนมีก าหนดสอบใบอนุญาตว่าความด้วย) ส่วนระยะเวลาที่เหลือ      เล่มที่เหลือก็จะเอาไปอ่านทดแทนในสัปดาห์ถัดไป ภายหลังจากสอบใบอนุญาต

               จากนั้น แน่นอนเลยครับผมจะใช้กับการอ่านสอบเนติฯ                            ว่าความผ่านพ้นไปแล้ว


                       หนังสือที่ผมจะใช้อ่านเป็นหลักคงหนีไม่พ้น ค าบรรยายฯ และหนังสือ           อย่างไรก็ดี ผมก็ต้องขอกล่าวไว้ก่อนเลยว่า แม้ผมจะอ่านค าบรรยายเนติ
               พิสดารวิชาต่างๆ ที่หลายท่านคงรู้จักกันดีในชื่อว่า “จูริส” นั่นเอง         ฯ แต่ละภาคแต่ละสมัยได้ทันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ผมก็ไม่ได้อ่านเพียงเพื่อให้

                                                                                         มันผ่านไป ผมจะอ่านเซฟตนเองด้วยการ หาแผ่นกระดาษ เอ ๔ มาโน๊ตสั้นๆ เช่น
                       ๑. ในส่วนของจูริสนั้นผมก็จะดูจากเล่มแรกที่ออกมาว่าจะมีจ านวนหน้า
               ทั้งเล่มเท่าใด แล้วน ามาค านวณว่าทั้งภาคการศึกษาจะต้องอ่านทั้งหมดกี่เล่ม เมื่อ  หัวข้อที่อ่าน ตัวอย่างฎีกา และข้อความส าคัญๆ ที่จะใช้เป็นคีย์เวิร์ดต่อยอดใน

               บวกกันแล้วก็จะได้จ านวนหน้าทั้งหมดหารกับระยะเวลาที่มีอยู่นับแต่วันที่จูริส  การน าไปใช้ตอบข้อสอบได้ ลงไปในโน้ต ท าแยกเข้าแฟ้มไว้เป็นรายวิชาไป เพราะ
                                                                                         เนื่องจากการอ่านค าบรรยายเนติฯ จะไม่เหมือนกับที่เราอ่านเพื่อสอบปริญญาตรี
               เล่มแรกออกจ าหน่ายไปจนถึงก่อนสอบสัก ๑ สัปดาห์ (หักเวลา ๑ สัปดาห์ที่       ในมหาวิทยาลัยที่เราผ่านมา ค าบรรยายฯ จะออกหลากหลายวิชาปนกันมาในแต่
               จะต้องอ่านสอบใบอนุญาตว่าความแล้วนั้น) ผลออกมาก็จะได้จ านวนหน้าของจู
                                                                                         ละเล่มที่ออกทุกๆ สัปดาห์ ซึ่งต้องอ่านผสมปนเปกันไป ไม่ว่าจะเป็นแพ่งปนกับ
               ริสที่เราสมควรจะต้องอ่านให้ได้อย่างน้อยต่อวัน ส าหรับระยะปลอดภัยของผมคือ

               ก าหนดไว้ว่าอ่านให้ได้ไม่น้อยกว่า ๔๐ หน้าต่อวัน                           อาญา หรือ วิ.แพ่ง ปนกับ วิ.อาญา ไม่ใช่สามารถอ่านให้จบเป็นรายวิชาได้อย่าง
                                                                                         ชั้นปริญญาตรี ผมจึงจดโน้ตย่อไว้แยกเป็นวิชา และการจดในกระดาษ เอ ๔ ก็ง่าย
                       ๒. ในส่วนค าบรรยายเนติฯ นั้นจ านวนหน้าจะไม่มีความแน่นอน ท าให้    ต่อการแยกเอกสารและการรวบรวม ซึ่งจะเป็นเอ ๔ มีเส้นหรือไม่มีเส้นก็แล้วแต่

               คาดการณ์ล่วงหน้ายากตั้งแต่ต้น จึงจะต้องลุ้นดูไปแต่ละสัปดาห์ท้ายๆ ใกล้สอบ  ความถนัดของแต่ละคนไป ผมคิดว่าการท าเช่นนี้จะสามารถช่วยให้เราจดจ าได้ว่า

               ว่าจะมีมากน้อยเพียงใด (ซึ่งสังเกตได้จากค าบรรยายฯ สมัยก่อนๆ ในห้องสมุด    วิชาไหนเราอ่านถึงไหนแล้ว เมื่อได้รับค าบรรยายฯ เล่มถัดไปมาอ่านก็จะสามารถ
               เรียงจากเล่มบางไปหาหนาได้เลย) แต่ผมจะใช้วิธีนับจ านวนวิชาที่ลงพิมพ์ในแต่  มาต่อความรู้จากสัปดาห์ที่แล้วได้อย่างต่อเนื่องไม่สับสน และโน๊ตย่อนี้ก็ยัง

               ละเล่ม เช่น เล่มที่จะอ่านมีทั้งหมด ๑๔ วิชา ก็จะค านวณออกมาได้ว่าอ่านให้ได้  สามารถน ากลับมาทบทวนหากมีเวลาก่อนสอบได้อีกครั้งเพื่อช่วยให้เราจ าได้มาก
               วันละไม่ต่ ากว่า ๒ – ๓ วิชา เป็นต้น เท่านี้ภายใน ๑ สัปดาห์ก็จะอ่านจบทันค า  ยิ่งขึ้นอีกด้วย

               บรรยายฯ ๑ เล่มพอดิบพอดี แต่หากมาถึงสัปดาห์ที่จะต้องอ่านสอบใบอนุญาตว่า            เพียงเท่านี้การอ่านก็จะอยู่ในระยะปลอดภัย สบายใจได้ครับว่าเราอ่าน

               ความไปด้วย ก็จะเร่งอ่านค าบรรยายให้ได้ครึ่งเล่มให้ได้ภายใน ๒ วัน ส่วนอีกครึ่ง
                                                                                         ทันถึงเป้าก่อนสอบเนติฯ แน่นอน หากเรามี “วินัยที่เข้มแข็ง” ด้วยนะครับ ทั้งนี้
   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38