Page 201 - วารสารกฎหมาย ศาลอุทธรณ์คดีชํานัญพิเศษ
P. 201
ฉบับพิเศษ ประจำ�ปี 2564
ื
แสดง “เหตุผลแห่งความจําเป็น” ให้ปรากฏต่อศาลเพ่อให้เข้าข้อยกเว้นให้รับฟังพยานบอกเล่า
ได้ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 226/3 วรรคสอง (2) (เทียบเคียงหมายเหตุท้ายคําพิพากษาศาลฎีกาที่
7013/2556; จรัญ ภักดีธนากุล, 2561)
4. การรับฟังพยานแวดล้อม (状況証拠)ในความผิดการตกลงร่วมกันและกรณี
ศึกษาของประเทศญี่ปุ่น
ี
การตกลงร่วมกันในประเทศญ่ปุ่นอยู่ภายใต้กฎหมายป้องกันการผูกขาด (Antimonopoly
1
Act : AMA) มาตรา 3 โดยมาตรา 2 (6) กําหนดนิยามเกี่ยวกับ “การร่วมกันจํากัดการแข่งขัน
โดยปราศจากเหตุผล” (Unreasonable restraint of trade) ไว้ว่า “การร่วมกันจํากัดการแข่งขัน
ึ
โดยปราศจากเหตุผล คือกิจกรรมทางธุรกิจซ่งผู้ประกอบการหลายราย โดยสัญญาความตกลง
ี
หรือเป็นกิจกรรมท่ทําร่วมกัน จํากัด หรือทํากิจกรรมทางธุรกิจของผู้ประกอบการหลายคน
ดังกล่าวเพื่อกําหนด รักษา หรือขึ้นราคา จํากัดการผลิต เทคโนโลยี สินค้า เครื่องจักร / อุปกรณ์
การผลิต ลูกค้าหรือผู้ส่งวัตถุดิบ/สินค้า และเป็นเหตุให้เกิดการจํากัดการแข่งขันอย่างมีนัยสําคัญ
ในตลาดให้ตลาดหนึ่งโดยขัดต่อประโยชน์สาธารณะ” (ศักดา ธนิตกุล, 2562)
การพิสูจน์ความผิดภายใต้บทบัญญัติดังกล่าวอาศัยการพิสูจน์ถึงการมีอยู่ของ
ื
ี
“การส่อสารท่แสดงถึงเจตนาของผู้กระทําความผิด” (liaison of intention) ท้งน้บทบัญญัต ิ
ั
ี
สําหรับพิจารณาความผิดการตกลงร่วมกัน ตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560
มาตรา 54 นั้น คําว่า “ร่วมกับผู้ประกอบธุรกิจอื่น...กระทําการใด ๆ” นั้นพ้องกับคําว่า “ร่วมกัน
กระทําการใด ๆ” (共同遂行) ในกฎหมายแข่งขันทางการค้าประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งประเทศไทย
ึ
ื
ได้รับหลักก่งความผิดในตัวเอง หรือ Quasi per se ของศาลฎีกาประเทศญ่ปุ่นเพ่อพิจารณา
ี
ฐานความผิดดังกล่าว (ศักดา ธนิตกุล, 2553) ซึ่งคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าประเทศ
ื
ี
ญ่ปุ่นเห็นว่าจะต้องมีการพิสูจน์ถึง “การนําความตกลงไปดําเนินการจริง” เพ่อพิสูจน์ว่าการตกลง
ร่วมกันนั้นฝ่าฝืนกฎหมาย (公正取引委員会競争政策研究センター, 2550)
ั
การตกลงร่วมกันน้นมักเกิดจากการตกลงกันระหว่างคู่กรณีเป็นการภายในแบบลับ
ทําให้เกิดอุปสรรคต่อการสืบสวนสอบสวนของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเพ่อท่จะ
ื
ี
หาพยานหลักฐานโดยตรงมาดําเนินคดี ในทางปฏิบัติคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า
ี
ั
ประเทศญ่ปุ่น (JFTC) วางแนวปฏิบัติว่า การพิสูจน์ความผิดดังกล่าวน้นข้อตกลงสัญญาแบบ
แจ้งชัด (explicit agreement) อาจไม่จําเป็นเสมอไป พฤติกรรมการร่วมมือแบบสมรู้ร่วมคิดกัน
1 มาตรา 3 บัญญัติว่า “An enterprise must not effect private monopolization or unreasonable restraint of trade”
199