Page 94 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๒-๒๕๖๑-กฎหมาย
P. 94

ดุลพาห




               ยุยงให้บุคคลเป็นความกันนั้นย่อมเป็นโมฆะ ใช้บังคับไม่ได้ เพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อย
               ของประชาชน แต่ปัจจุบันเริ่มเปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งมีการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน

               ในการอนุญาโตตุลาการด้วย


                        ในประเทศไทยก็มีหลักการที่ใกล้เคียงกับเรื่องดังกล่าวในเรื่องห้ามส่งเสริมให้บุคคล
               เป็นความเช่นกัน เช่น เรื่องการห้ามทนายความรับเงินค่าว่าความเป็นส่วนแบ่งจากผลของ

               การชนะคดีในการว่าความ โดยมีพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. ๒๔๗๗ และ พ.ศ. ๒๕๐๘
               แต่พระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. ๒๕๒๘ และประกาศข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วย

               มรรยาททนายความ พ.ศ. ๒๕๒๙ มิได้บัญญัติห้ามมิให้ทนายความเข้าเป็นทนายความโดยวิธี
               สัญญาแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทอันจะพึงได้แก่ลูกความดังเช่นพระราชบัญญัติ

               ทนายความสองฉบับแรก (ที่ยกเลิก) ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีแนวความคิดของนักกฎหมาย
               ไทย และแนวคำาพิพากษาศาลฎีกาที่แบ่งได้เป็นสองฝ่าย ดังนี้


                        ฝ่ายที่หนึ่ง เห็นว่า สัญญาจ้างว่าความที่มีข้อตกลงแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินอันพึง
               จะได้ของลูกความตกเป็นโมฆะ เพราะข้อตกลงดังกล่าวขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรม

               อันดีของประชาชน เนื่องจากไม่ต้องด้วยหลักจริยธรรมทางวิชาชีพของทนายความ การที่
               ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. ๒๕๒๙ มิได้บัญญัติให้การสัญญา

               จ้างว่าความที่มีข้อตกลงค่าตอบแทนโดยแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทที่ลูกความ
               ได้รับตามคำาพิพากษาเป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความอย่างพระราชบัญญัติทนายความ

               พ.ศ. ๒๔๗๗ และ พ.ศ. ๒๕๐๘ มีผลเพียงว่าสัญญาลักษณะนี้ไม่เป็นการประพฤติผิดมรรยาท
               ทนายความเท่านั้น แต่ยังขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนอยู่

               โดยมีตัวอย่างคำาพิพากษาศาลฎีกาตามความเห็นของฝ่ายที่หนึ่ง ดังนี้

                        คำาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๙๑๙/๒๕๔๔ การที่จำาเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ตกลงให้เงิน

               รายละ ๔๐๐,๐๐๐ บาท และจำาเลยที่ ๔ ตกลงให้เงินจำานวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์เป็น
               ค่าทนายความนั้นหมายถึงกรณีที่ฝ่ายจำาเลยชนะคดีมรดกแล้วไม่ได้รับส่วนแบ่งมาเป็นที่ดิน

               แต่ได้รับส่วนแบ่งมาเป็นเงินที่ได้มาจากการขายที่ดินพิพาทนั่นเอง ซึ่งจำาเลยทั้งสี่จะต้องแบ่งให้
               โจทก์ตามจำานวนที่ตกลงกันไว้ในบันทึกข้อตกลง บันทึกข้อตกลงจึงถือได้ว่าเป็นสัญญารับจ้าง

               ว่าความโดยวิธีแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทอันจะพึงได้แก่ลูกความเมื่อจำาเลยทั้งสี่
               ซึ่งเป็นลูกความชนะคดีเท่านั้น หากจำาเลยทั้งสี่ตกเป็นฝ่ายแพ้คดี โจทก์ย่อมไม่ได้รับส่วนแบ่ง

               ตามข้อตกลง อันมีลักษณะเข้าทำานองซื้อขายความกัน



               พฤษภาคม - สิงหาคม ๒๕๖๑                                                      83
   89   90   91   92   93   94   95   96   97   98   99