Page 96 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๒-๒๕๖๑-กฎหมาย
P. 96

ดุลพาห




                        คำาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๒๒๘/๒๕๔๔ พระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. ๒๕๒๘
               และประกาศข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. ๒๕๒๙ มิได้บัญญัติ

               ห้ามมิให้ทนายความเข้าเป็นทนายความโดยวิธีสัญญาแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูล

               พิพาทอันจะพึงได้แก่ลูกความ ดังเช่นพระราชบัญญัติทนายความสองฉบับแรก (ที่ยกเลิก)
               ฉะนั้น สัญญาจ้างว่าความที่พิพาทที่ระบุว่า “คิดค่าทนายความร้อยละ ๒๐ ของยอดทุนทรัพย์
               ๑๗,๑๘๘,๓๕๖ บาท โดยชำาระค่าทนายความเมื่อบังคับคดีได้ กรณีบังคับคดีได้เพียงบางส่วน

               คิดค่าทนายความบางส่วนที่บังคับคดีได้ และถ้าคดีมีการยอมความกันคิดค่าทนายความร้อยละ

               ๑๐ ของยอดเงินที่ยอมความ” จึงไม่ขัดต่อกฎหมายและข้อกำาหนดดังกล่าว เป็นการกำาหนด
               หลักเกณฑ์ในการคิดคำานวณค่าทนายความระหว่างโจทก์จำาเลย หาเป็นการขัดต่อความสงบ
               เรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนไม่ สัญญาจ้างว่าความที่พิพาทจึงไม่เป็นโมฆะ


                        สัญญาจ้างว่าความที่พิพาทไม่มีข้อใดที่มีลักษณะเป็นการเสี่ยงโชค และไม่เป็น
               ข้อตกลงที่มีลักษณะได้เสียกันโดยอาศัยเหตุการณ์ในอนาคตที่ไม่แน่นอนเป็นข้อแพ้ชนะกัน

               ระหว่างโจทก์จำาเลย แต่เป็นสัญญาจ้างทำาของที่โจทก์ต้องลงแรงว่าต่างให้แก่จำาเลยซึ่งเป็น

               ลูกความ จึงหาใช่เป็นการพนันขันต่อตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๕๓ ไม่
               (และมีคำาพิพากษาศาลฎีกาอื่นๆ ที่พิพากษาทำานองเดียวกัน เช่น คำาพิพากษาศาลฎีกาที่
               ๔๑๖๔/๒๕๔๘)


                        อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความเห็นที่แบ่งเป็นสองฝ่าย แต่ในปัจจุบันคำาพิพากษาศาลฎีกา

               ส่วนใหญ่นั้นยังคงเป็นไปตามแนวทางแรก กล่าวคือ ข้อตกลงที่แบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สิน
               ที่เป็นมูลพิพาทที่ลูกความได้รับตามคำาพิพากษานั้นตกเป็นโมฆะ เนื่องจากเป็นข้อตกลงที่ขัด

               ต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่งเป็นแนวความคิดที่กฎหมายไทย
               ได้รับอิทธิพลมาจากหลักจารีตประเพณีของอังกฤษ แต่ปัจจุบันก็เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ดังนั้น

               คงหลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ

                        ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบสัญญาสนับสนุนทางการเงินของบุคคลภายนอกแก่คู่กรณี

               พิพาทในการอนุญาโตตุลาการกับเรื่องสัญญาที่กำาหนดให้ทนายความได้รับค่าจ้างว่าความจาก
               เงินที่ลูกความได้รับจากการชนะคดีที่ตนว่าความซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ได้รับการ

               ยอมรับว่าใช้บังคับได้แล้วจะเห็นได้ว่า สัญญาที่ให้การสนับสนุนทางการเงินของบุคคลภายนอก
               แก่คู่กรณีพิพาทในการอนุญาโตตุลาการไม่น่าจะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี

               ของประชาชน



               พฤษภาคม - สิงหาคม ๒๕๖๑                                                      85
   91   92   93   94   95   96   97   98   99   100   101