Page 4 - ต้นหอม บาส
P. 4
ประวัติและความเป็ นมา
■ ศิลปะการดนตรีมีวิวัฒนาการควบคู่กับมนุษย์มาเป็นเวลาช้านานเช่นเดียวกับ
งานสถาปัตยกรรม การดนตรีมีความเจริญรุ่งเรืองและเสื่อมโทรมไปตามยุค
ต่างๆตั้งแต่ดึกด าบรรพ์ ในยุคกรีกและโรมัน การดนตรีสอดแทรกอยู่ในงาน
เฉลิมฉลองต่างๆและกิจการทางศาสนา โดยเริ่มมีการใช้ตัวหนังสือแทนโน้ต
ดนตรี ในศตวรรษที่ 5 เมื่ออาณาจักรเอมไพร์ล่มสลายลง ท าให้เป็นช่วงเวลา
แห่งยุคมืด (Dark Age) ศิลปะแขนงต่าง ๆ รวมทั้งดนตรีก็เสื่อมลง จนกระทั่งถึง
ยุคกลาง (Middle Age) อันเป็นช่วงต่อระหว่างยุคมืดและยุค เรอเนสซองส์
(Renaissance) การดนตรีได้เริ่มฟื้นตัวขึ้นอีก
■ ในศตวรรษที่ 6 ผู้คนเริ่มเบื่อหน่ายดนตรีที่มีความซ้ าซาก ขาดความกลมกลืน
อีกทั้งไม่มีเมโลดี้ที่ชัดเจน ท าให้เกิดการเคลื่อนไหวในวงการดนตรีขึ้น เริ่มจาก
การขับร้องที่มีตัวโน้ตพร้อมกัน ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นการร้องเพลงประสาน
เสียง
■ ดนตรีคลาสสิกตะวันตกแบ่งออกเป็นยุคสมัยตามสไตล์และปรัชญาความคิด
ทางดนตรีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งนี้แบ่งออกเป็นยุคสมัยต่าง ๆ ดังนี้: ยุค
กลาง (Middle Age ค.ศ. 500-1400) ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance
ค.ศ. 1400-1600) ยุคบาโร้ค (Baroque ค.ศ. 1600-1750) ยุคโรแมนติก
(Romantic ค.ศ. 1825-1910) และยุคศตวรรษที่ 20 (Twentieth Century ค.ศ.
1910 - ปัจจุบัน)
■ การรื้อฟื้นศิลปะการดนตรี ได้เริ่มขึ้นอย่างจริงจังในยุคกลางนี้เอง แต่เครื่อง
ดนตรีต่าง ๆ ก็ยังพัฒนาไปไม่ถึงขั้นเป็นดนตรีออร์เคสตร้า เนื่องจากเครื่อง
ดนตรีสมัยนั้นยังล้าสมัยอยู่มาก เช่น ทรัมเปตไม่มีลิ้น เครื่องเป่ายังมีเสียงไม่
ครบ เครื่องสีวีโอลยังมีจุดอ่อนในเรื่องโทนเสียง เป็นต้น ซึ่งได้ใช้เวลาในการ
พัฒนามาจนถึงศตวรรษที่ 17 เครื่องดนตรีในยุคนั้นได้แก่ ลูท (Lute) ฮาร์พ
(Harp) ไพพ์ (Pipe) โอโบ (Oboe) ซึ่งเราจะพบว่าเป็นเครื่องดนตรีของพวกมินเส
ตร็ล (Minstrel) และทรอบาดอร์ (Trobadour) ที่ใช้ประกอบการขับร้อง และ
เดินทางท่องเที่ยวไปยังปราสาทต่าง ๆ วิวัฒนาการของดนตรีพวกมินสเตร็ลได้
พัฒนาการไปจนสิ้นสุดยุคกลาง และบางเพลงก็ยังมีปรากฎอยู่จนกระทั่งถึงทุก
วันนี้