Page 251 - เอกสารฝนหลวง
P. 251
ประมวลและยืนยันผลสัมฤทธิ์ฯ เอกสารเฉลิมพระเกียรติฝนหลวง
ทําให้อากาศใต้ฐานเมฆเย็นตัวลง และปริมาตรอากาศหดตัวอย่างฉับพลัน เป็นเหตุให้ความชื้นสัมพัทธ์
ใต้ฐานเมฆสูงขึ้น ประกอบกับกลุ่มอากาศโดยรอบก้อนเมฆที่มีอุณหภูมิอุ่นกว่ากลุ่มอากาศใต้ฐานเมฆ
ที่มีอุณหภูมิเย็นกว่า กลุ่มอากาศที่มีอุณหภูมิอุ่นกว่าดังกล่าวจึงไหลพาความชื้น และอณูนํ้าเข้ามา
ผสมกับมวลอากาศใต้ฐานเมฆที่เย็นกว่า แล้วกลั่นตัวเป็นหยดนํ้าและปล่อยความร้อนแฝงออกมา
ทําให้เกิดการลอยตัวขึ้นเสริมกับการลอยตัวขึ้นของกลุ่มอากาศ (Updraft) ที่เกิดอยู่แล้วใต้ฐานเมฆ
ให้แรงยิ่งขึ้น ชักนําให้หยดนํ้าที่เกิดจากการกลั่นตัวของความชื้นสัมพัทธ์ที่สูงขึ้นดังกล่าวลอยตัวขึ้น
ไปเสริมกิจกรรมการกลั่นตัวที่ฐานเมฆ และในก้อนเมฆทดลองให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แบบปฏิกิริยาลูกโซ่
13.1.4 การโปรยนํ้าแข็งแห้งด้วยอัตราเดียวกันทั้ง 3 เที่ยวบินทดลอง เมฆทดลอง
ในเที่ยวบินแรกที่มีความหนาของเมฆจากฐานถึงยอดเมฆค่อนข้างบาง (ตํ่ากว่า 2,000 ฟุต) ซึ่งอยู่ใน
ขั้นเริ่มต้นเจริญเติบโตของเมฆ (Cloud Growth) กิจกรรมหรือกลไกในเมฆยังไม่เกิด หรือเกิด
แล้วแต่กําลังยังอ่อน ความหนาแน่นของเมฆยังเบาบาง ดังที่สังเกตเห็นใน ข้อสังเกตผลการ
เปลี่ยนแปลงของเมฆทดลอง ในระหว่างการบินทดลองอัตราการโปรยนํ้าแข็งแห้งดังกล่าว จึงไป
เร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางฟิสิกส์อย่างรุนแรง ทําให้กิจกรรมหรือกลไกในเมฆทดลองนั้นเกิดขึ้นอย่าง
รวดเร็วและรุนแรงเป็นเหตุให้เมฆทดลองนั้นแตกตัวเป็นก้อนเล็กๆ หรือสลายตัว จึงสันนิษฐานว่า
ก้อนนํ้าแข็งแห้งที่โปรยเข้าไปในสภาพก้อนเมฆทดลองดังกล่าวมีปริมาณมากเกินไป (Over Seeding)
แต่ผลที่เกิดขึ้นนี้ไม่นับว่าล้มเหลว แต่นําไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีฝนหลวง และพัฒนาเทคนิค
ในกิจกรรมดัดแปรสภาพในรูปแบบอื่นที่เกี่ยวข้องกับฝนหลวงทั้งในทางตรงและทางอ้อม
13.1.5 การที่ก้อนนํ้าแข็งแห้งถูกโปรยเข้าเมฆทดลองด้วยอัตราคงที่ดังกล่าว ทําให้
ก้อนนํ้าแข็งแห้งกระจายไปทั่วก้อนเมฆ และร่วงหล่นลงมาจากยอดเมฆจนทะลุฐานเมฆลงสู่ กลุ่มอากาศ
(Air Parcel) ใต้ฐานเมฆนั้นจนถึงพื้นดิน ทําให้กลุ่มอากาศทั้งในเมฆและใต้ฐานเมฆได้รับการกระตุ้น
หรือเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางฟิสิกส์ ทําให้กิจกรรมหรือกลไกในเมฆเจริญ จนถึงขั้นเมฆแก่ตัว
(Mature Cloud) ได้เร็วกว่าการเจริญของเมฆตามธรรมชาติ
206