Page 247 - เอกสารฝนหลวง
P. 247
ประมวลและยืนยันผลสัมฤทธิ์ฯ เอกสารเฉลิมพระเกียรติฝนหลวง
9. การทดลอง
การทดลองในครั้งแรกนี้ โปรดเกล้าฯ ให้โปรยก้อนนํ้าแข็งแห้งที่ถูกย่อยให้มีขนาดประมาณ
1 ลูกบาศก์นิ้วเข้าไปในยอดเมฆเดิมที่ปกคลุมอยู่เหนือบริเวณพื้นที่เป้าหมายทดลองโดยตรง (Direct
Cloud Seeding) การที่เลือกโปรยนํ้าแข็งแห้งเข้าไปในก้อนเมฆเดิมโดยตรงเนื่องจากก้อนเมฆเป็นที่
สะสมไอนํ้า อณูนํ้า และพลังงาน ซึ่งจะช่วยให้สามารถสังเกตผลการเปลี่ยนแปลงของเมฆในระหว่าง
การติดตามผลการทดลองจากทั้งทางเครื่องบิน และจากทางภาคพื้นดินได้อย่างชัดเจน
10. วิธีการโปรยนํ้าแข็งแห้ง
10.1 สารทดลอง – นํ้าแข็งแห้ง ถูกย่อยเป็นก้อนเล็กๆ ขนาดประมาณ 1 ลูกบาศก์นิ้ว ปริมาณ
รวมประมาณ 100 – 150 กก. ต่อเที่ยวบิน
10.2 การโปรยนํ้าแข็งแห้ง ใช้เครื่องตักที่ตักได้ครั้งละประมาณ 100 กรัม โปรยโดยการ
เปิดหน้าต่างเครื่องบินด้านที่นักวิชาการนั่งเพื่อให้โปรยได้สะดวก ในอัตรา 100 กรัม ทุก 30 วินาที
ความเร็วเครื่องบินขณะที่โปรยเป็นความเร็วเดินทาง 115 ไมล์ต่อชั่วโมง จํานวนนํ้าแข็งแห้งที่โปรย
มีนํ้าหนักรวมกันประมาณ 5 กิโลกรัมต่อระยะทางบินประมาณ 5 ไมล์
10.3 เริ่มต้นโปรยทับยอดเมฆ ที่ระดับประมาณ 6,000 – 8,000 ฟุต อุณหภูมิที่ระดับโปรย
ประมาณ 25 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์สูงเกินกว่า 50 %
10.4 การโปรยเที่ยวแรก รักษาระดับบินที่ 6,000 – 8,000 ฟุต ตลอด จึงต้องบินเข้าเมฆ
ที่ยอดสูงเกินกว่า 8,000 ฟุต เป็นครั้งคราว
10.5 การโปรยกลับในเที่ยวที่ 2 กับกลุ่มเมฆที่ได้รับการโปรยในเที่ยวแรก ที่เคลื่อนตัวไป
ทางใต้ลมห่างจากแนวโปรยแรกประมาณ 5 กิโลเมตร ต้องปรับระดับบินให้สูงขึ้น เพื่อทับยอดเมฆเดิม
ที่พัฒนาสูงขึ้นเป็น 8,000 – 10,000 ฟุต สําหรับเมฆเดิมที่ยอดเมฆสูงเกิน 8,000 ฟุต ในเที่ยวบินแรก
ก่อยอดสูงขึ้นเกิน 10,000 ฟุต เป็นส่วนใหญ่ ส่วนเมฆเดิมที่ยอดเมฆสูงกว่า 10,000 ฟุต อยู่แล้วก่อยอด
สูงกว่า 12,000 – 15,000 ฟุต จึงต้องปรับเพดานบินโปรยที่ระดับ 10,000 ฟุต เข้าไปในยอดเมฆที่
สูงกว่า 10,000 ฟุต เป็นส่วนใหญ่ และโปรยทับยอดเมฆที่สูงไม่เกิน 10,000 ฟุต เป็นครั้งคราว
10.6 การโปรยเที่ยวที่ 3 บินกลับทับเส้นทางของการโปรยเที่ยวที่ 2 ซึ่งเคลื่อนตัวไปทางใต้ลม
ประมาณ 5 กิโลเมตร เช่นกัน ในเที่ยวนี้ยอดเมฆสูงเกิน 12,000 ฟุต จนถึง 15,000 ฟุต เป็นส่วนใหญ่
ต้องบินเสี่ยงขึ้นไปโปรยที่ระดับ 12,000 ฟุต เป็นครั้งคราว เพื่อให้โปรยทับยอดเมฆที่ระดับสูงไม่เกิน
12,000 ฟุต และบินเข้าไปโปรยในเมฆที่ยอดเมฆสูงเกิน 12,000 ฟุต เป็นส่วนใหญ่
202