Page 248 - เอกสารฝนหลวง
P. 248

ประมวลและยืนยันผลสัมฤทธิ์ฯ                                                                            เอกสารเฉลิมพระเกียรติฝนหลวง


                                 11. ข้อสังเกตผลการเปลี่ยนแปลงของเมฆทดลอง


                              11.1   การโปรยเที่ยวบินที่ 1  บินโปรยทับยอดเมฆที่ระดับ  6,000 – 8,000 ฟุต  และเข้าไปโปรย

                       ในเมฆโดยตรงหากยอดเมฆสูงเกิน 8,000  ฟุต   ก่อนลงมือโปรยฐานเมฆยังเป็นสีเทาที่ยังไม่เข้มนัก
                       ยอดเมฆเป็นสีขาวเหมือนปุยฝ้าย   เมื่อบินเข้าไปในเมฆยังสว่างจ้า ไม่ปรากฏว่ามีหยดนํ้าเกาะที่กระจก

                       กระจังหน้าของเครื่องบิน   แสดงว่า หยดเมฆ  (Cloud Droplets)  ยังไม่เจริญถึงขนาดหยดฝน (Rain Drop)

                       และยังอยู่ในขั้นการเจริญเติบโตของเมฆ (Cloud Growth)   เครื่องบินมีอาการสั่นสะเทือนและ
                       โยนตัวขึ้นลง  แต่ไม่รุนแรงนักพอรู้สึกได้  กระแสลมปรวนแปร (Turbulence)  และการลอยตัวขึ้น

                       ของมวลอากาศในเมฆ (Updraft)  ยังมีกําลังอ่อน

                              11.2  การโปรยเที่ยวที่ 2  เป็นการบินย้อนกลับและโปรยนํ้าแข็งแห้งเข้าไปในก้อนเมฆที่เคลื่อนตัว

                       ไปทางใต้ลมของเส้นทางเดิมของเที่ยวบินที่ 1 ประมาณ 5 กิโลเมตร  หลังจากการโปรยเที่ยวที่ 1
                       แล้วต้องไต่ระดับบินขึ้นทับยอดเมฆส่วนใหญ่ที่ก่อยอดสูงขึ้นถึงระดับ 10,000 ฟุตเป็นครั้งคราว   และ

                       บินเข้าไปในเมฆที่ก่อยอดสูงขึ้นเกิน 10,000 ฟุต เป็นส่วนใหญ่  จากการสังเกตด้วยสายตามีเมฆบางส่วน
                       ก่อยอดสูงขึ้นถึงประมาณ 12,000 – 15,000 ฟุต  ส่วนของยอดเมฆเปลี่ยนเป็นปุยสีเทาอ่อน  ฐานเมฆ

                       เป็นสีเทาเข้มยิ่งขึ้น และค่อยๆ จางลงจนถึงยอดเมฆ เมื่อบินเข้าไปในเมฆเริ่มทึบแสง  ปรากฏว่าเริ่มมี
                       ละอองนํ้าขนาดเล็กเกาะที่กระจกกระจังหน้าของเครื่องบินแสดงว่า หยดนํ้าในเมฆเริ่มเจริญเป็นเม็ดนํ้า

                       ที่ใหญ่ขึ้น  เครื่องบินเริ่มมีอาการสั่นสะเทือนและโยนตัวขึ้นลงรู้สึกได้มากขึ้น  แสดงว่ากระแสลม
                       ปรวนแปรและลอยตัวขึ้นทวีกําลังแรงยิ่งขึ้น


                              11.3  การโปรยเที่ยวบินที่ 3 เป็นการบินย้อนกลับตามเส้นทางขนานกับเที่ยวบินที่ 2  ทางใต้ลม
                       ประมาณ 5 กิโลเมตร เมฆทดลองส่วนใหญ่ก่อยอดสูงเกิน 12,000 ฟุต  มีเป็นเพียงส่วนน้อยที่ยอดเมฆ

                       ตํ่ากว่า 12,000 ฟุต  จึงต้องบินไต่ระดับขึ้นไปโปรยนํ้าแข็งแห้งทับยอดเมฆ   และรักษาระดับบินไว้ที่
                       12,000 ฟุต  ทําให้ต้องบินอยู่ในเมฆเกือบตลอดเวลา  ก่อนเข้าเมฆสังเกตเห็นยอดเมฆเปลี่ยนเป็นสีเทาเข้ม

                       ยิ่งขึ้น และฐานเมฆสีเทาเข้มยิ่งขึ้นเป็นสีเทาเกือบดํา ขณะบินเข้าไปในเมฆทึบแสงยิ่งขึ้นจนเกือบมืด
                       เม็ดนํ้าที่จับกระจกกระจังหน้าของเครื่องบินมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นหยดฝน (เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ

                       0.5 มม.)   แสดงว่าเม็ดนํ้าเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เครื่องบินมีอาการสั่นสะเทือนและโยนตัวขึ้นลง

                       รุนแรงยิ่งขึ้นจนตัวนักวิชาการลอยขึ้นจากที่นั่งศีรษะกระทบกับเพดานเครื่องบินบ่อยครั้งแสดงว่า
                       กระแสลมปรวนแปร และลอยตัวขึ้น – ลงมีกําลังแรงยิ่งขึ้น  หลังจากปฏิบัติการเสร็จสังเกตเห็นยอดเมฆ

                       ตามเส้นทางที่โปรยนํ้าแข็งแห้ง  ส่วนใหญ่ก่อยอดสูงเกิน 15,000 ฟุต  เป็นสีเทาเข้มเกือบทั้งก้อนและ
                       มีบางก้อนฐานเมฆสีดําเข้มใกล้ตกเป็นฝนลงสู่พื้นที่เป้าหมายทดลอง  กระแสลมเหนือทางวิ่งขึ้นลง

                       ของสนามบินทวีความปรวนแปรและรุนแรงยิ่งขึ้น  ทําให้ยากลําบากและเสี่ยงภัยในการบินกลับมาลง
                       สู่สนามบิน




                                                              203
   243   244   245   246   247   248   249   250   251   252   253