Page 480 - เอกสารฝนหลวง
P. 480

ประมวลและยืนยันผลสัมฤทธิ์ฯ                                                                            เอกสารเฉลิมพระเกียรติฝนหลวง



                       วันฝนตกรวมทุกเครื่อง (ครั้ง)   59 ครั้ง   290 ครั้ง   401 ครั้ง   319 ครั้ง   426 ครั้ง   172 ครั้ง
                       ปริมาณฝนรวมทุกเครื่อง (มม.)  1,685.7 มม.  2,388.4 มม.  4,698.4 มม.  3,402.4 มม.  5220.7 มม.  3,295.0 มม.
                       ปริมาณฝนตกเฉลี่ย/เครื่อง   49.6 มม.   55.5 มม.   109.3 มม.   79.1 มม.   121.4 มม.   76.6 มม.

                       ปริมาณฝนตกเฉลี่ย/วัน   105.65 มม.   79.6 มม.   151.6 มม.   109.8 มม.   174.0 มม.   253.4 มม.

                                 สรุปผลสัมฤทธิ์

                              6.1 ช่วงต้นฤดูฝน (16 พ.ค. – 30 มิ.ย.48) เนื่องจากผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษ

                       กู้ภัยแล้งในช่วงฤดูแล้ง (15 มี.ค.–15 พ.ค.48) ทําให้สภาวะวิกฤติเนื่องจากภัยแล้งคืนเข้าสู่สภาวะปกติ
                       ได้โดยเร็วในช่วงเดือนเมษายน และทําให้ในช่วงปลายเมษายน – 15 พฤษภาคม  มีปริมาณฝนรวมใน

                       พื้นที่เป้าหมายหวังผลเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ที่ดูเสมือนฤดูฝนเริ่มต้นเร็วกว่าฤดูกาลและต่อเนื่องไปจนถึง
                       ต้นฤดูฝน  การปฏิบัติการในช่วงต้นฤดูฝนจึงมุ่งที่จะป้องกันมิให้เกิดสภาวะฝนทิ้งช่วงยาว  จนทํา

                       ความเสียหายให้ภาคเกษตรกรรม  ซึ่งสัมฤทธิ์ผลตามที่คาดหวังแต่ยังไม่สามารถเพิ่มปริมาณนํ้าเก็บกัก
                       ในเขื่อนสําคัญ  เนื่องจากสภาวะแห้งแล้งได้เกิดขึ้นอย่างยาวนานและต่อเนื่อง  จึงมีการปล่อยนํ้าออก

                       จากเขื่อนสําคัญเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงฤดูแล้งมากและต่อเนื่องจนถึงต้นฤดูฝน  จนปริมาณ

                       นํ้าเก็บกักลดตํ่าลงสุดในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมจนถึงขั้นเกือบวิกฤติ  เพียงแต่สามารถสร้างความชุ่มชื้น
                       ในดินให้อิ่มตัวมากขึ้นตามลําดับ  (ดังแสดงไว้ในตารางข้อ 5.1 และ ข้อ 5.2)

                              6.2 ช่วงกลางฤดูฝน  (กรกฎาคม – 25 สิงหาคม 2548) ได้เกิดสภาวะฝนทิ้งช่วงยาวในทั่วทุกภาค

                       ของประเทศ  ศูนย์ฝนหลวงหัวหินจึงต้องเร่งปฏิบัติการเพื่อสร้างความชุ่มชื้นในดินและในอากาศ
                       ให้กับภาคเกษตรกรรมได้อย่างสัมฤทธิ์ผลตามคาดหวัง  การเพาะปลูกในพื้นที่ลุ่มนํ้าเป้าหมายหวังผล

                       ไม่เสียหายในช่วงฝนทิ้งยาวนี้  และสามารถชะลอการปล่อยนํ้าจากเขื่อนสําคัญให้ลดน้อยลงจนรอดพ้น
                       จากสภาวะวิกฤติ  รวมทั้งสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นในดินและในพื้นที่ลุ่มรับนํ้าของเขื่อนต่างๆ

                       ให้อิ่มตัวยิ่งขึ้น  จนปริมาณนํ้าเก็บกักเพิ่มขึ้นจากตํ่าที่สุดตั้งแต่เดือนสิงหาคม  2548 เป็นต้นมา  (ดังแสดง
                       ไว้ในตารางข้อ 5.1 และข้อ 5.2)


                              6.3 ช่วงปลายฤดูฝน (1 กันยายน – 15 ตุลาคม 2548)  จากการปฏิบัติการในช่วงนี้ และประกอบกับ
                       มีตัวการธรรมชาติเสริมเป็นระยะๆ ทําให้ภาคเกษตรกรรมรอดพ้นจากสภาวะวิกฤติฝนทิ้งช่วงยาว

                       อย่างสิ้นเชิง  ปริมาณนํ้าเก็บกักเพิ่มมากขึ้นตามลําดับดังจะเห็นได้ว่า  เขื่อนแก่งกระจานเพิ่มจากตํ่าสุด
                       36%  ณ ปลายเดือนสิงหาคม  เป็น 75% ณ วันที่  15 ตุลาคม 2548  และเขื่อนปราณบุรีเพิ่มขึ้นจากตํ่าสุด

                       25%  ณ ปลายเดือนกรกฎาคม เป็น 61% ณ วันที่  15 ตุลาคม 2548 (ดังแสดงไว้ในตารางข้อ 5.2.2)











                                                              421
   475   476   477   478   479   480   481   482   483   484   485