Page 114 - 10_พระราชบญญตตำรวจแหงชาต2547_Neat
P. 114

๑๐๗




                 ที่จะตองดําเนินการทางวินัยอยางรายแรงใหแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยแกขาราชการตํารวจ
                 ผูนั้นกอนการลาออกมีผล ทั้งนี้เพื่อใหดําเนินการทางวินัยตอไปไดแมผูนั้นไดออกจากราชการไปแลว

                             นอกจากผูมีอํานาจตามมาตรา ๗๒ แหงพระราชบัญญัติตํารวจแหงชาติ พ.ศ.๒๕๔๗
                 ซึ่งเปนผูมีอํานาจพิจารณาอนุญาตการลาออกแลว ใหผูบังคับบัญชาดังตอไปนี้ เปนผูมีอํานาจพิจารณา

                 การอนุญาตหรือยับยั้งขาราชการตํารวจในสวนราชการหรือหนวยงานในสังกัดซึ่งประสงคจะลาออก
                 จากราชการ

                             (๑)  รองผูบังคับการ หรือผูดํารงตําแหนงเทียบเทา ที่ทําหนาที่หัวหนาสวนราชการหรือ
                 หัวหนาหนวยงาน สําหรับตําแหนงตั้งแต รองผูกํากับการ หรือตําแหนงเทียบเทาลงมา

                             (๒)  ผูกํากับการ หรือผูดํารงตําแหนงเทียบเทา ที่ทําหนาที่หัวหนาสวนราชการหรือหัวหนา
                 หนวยงาน สําหรับตําแหนงตั้งแต สารวัตร หรือตําแหนงเทียบเทาลงมา

                             (๓)  รองผูกํากับการ หรือผูดํารงตําแหนงเทียบเทา ที่ทําหนาที่หัวหนาสวนราชการหรือ
                 หัวหนาหนวยงาน สําหรับตําแหนงตั้งแต รองสารวัตร หรือตําแหนงเทียบเทาลงมา
                             ÁÒμÃÒ ñðð  ผูมีอํานาจตามมาตรา ๗๒ มีอํานาจสั่งใหขาราชการตํารวจออกจากราชการ

                 เพื่อรับบําเหน็จบํานาญตามกฎหมายวาดวยบําเหน็จบํานาญขาราชการได แตในการสั่งใหออกจาก
                 ราชการเพื่อรับบําเหน็จบํานาญเหตุทดแทน นอกจากใหทําไดในกรณีที่ระบุไวในมาตราอื่นแหง

                 พระราชบัญญัตินี้หรือในกฎหมายวาดวยบําเหน็จบํานาญขาราชการแลว ใหทําไดในกรณีตอไปนี้ดวย คือ
                             (๑)  เมื่อขาราชการตํารวจผูใดเจ็บปวยไมอาจปฏิบัติหนาที่ราชการของตนไดโดยสมํ่าเสมอ

                             (๒)  เมื่อขาราชการตํารวจผูใดสมัครไปปฏิบัติงานใดๆ ตามความประสงคของทางราชการ
                             (๓)  เมื่อขาราชการตํารวจผูใดขาดคุณสมบัติทั่วไปตามมาตรา ๔๘(๑) (๔) (๕) หรือขาด

                 คุณสมบัติ หรือมีลักษณะตองหามตามที่กําหนดในกฎ ก.ตร.
                             *กฎ ก.ตร.ตามมาตรานี้ ไดแก กฎ ก.ตร.วาดวยคุณสมบัติและลักษณะตองหามของ

                 การเปนขาราชการตํารวจ พ.ศ.๒๕๔๗ และที่แกไขเพิ่มเติม
                             (๔)  เมื่อขาราชการตํารวจผูใดไมสามารถปฏิบัติราชการใหมีประสิทธิภาพ และเกิด

                 ประสิทธิผลในระดับอันเปนที่พอใจของทางราชการ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑและวิธีการที่กําหนดใน
                 กฎ ก.ตร.

                             *กฎ ก.ตร.ตามมาตรานี้ ไดแก กฎ ก.ตร.วาดวยการสั่งใหขาราชการตํารวจออกจากราชการ
                 กรณีไมสามารถปฏิบัติราชการใหมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล พ.ศ.๒๕๔๗

                             ÁÒμÃÒ ñðñ  ขาราชการตํารวจผูใดมีกรณีถูกกลาวหาหรือมีเหตุอันควรสงสัยวา
                 หยอนความสามารถในอันที่จะปฏิบัติหนาที่ราชการ บกพรองในหนาที่ราชการหรือประพฤติตนไมเหมาะสม
                 กับตําแหนงในอันที่จะปฏิบัติหนาที่ราชการ และผูบังคับบัญชาตําแหนงตั้งแตผูกํากับการหรือเทียบเทา

                 ผูกํากับการขึ้นไปเห็นวากรณีมีมูล ถาใหผูนั้นรับราชการตอไปจะเปนการเสียหายแกราชการก็ให

                 ผูมีอํานาจดังกลาวสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยไมชักชา ในการสอบสวนนี้จะตองแจงขอกลาวหา
   109   110   111   112   113   114   115   116   117   118   119