Page 331 - 08_กฎหมายอาญา_Neat
P. 331

๓๑๘




              อันเปนองคประกอบของความผิดตามมาตรา ๒๗๗ วรรคหนึ่ง เมื่อจําเลยไมรูขอเท็จจริงดังกลาว
              จึงถือวาจําเลยไมมีเจตนากระทําความผิดฐานนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙ วรรคสาม

                             ¢ŒÍÊѧà¡μ
                             กรณีตามปญหานี้ อายุของเด็กเปน¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§Íѹ໚¹Í§¤»ÃСͺÀÒ¹͡ของ

              ความผิดตามมาตรา ๒๗๗ วรรคหนึ่ง การที่ผูเสียหายอายุยังไมเกิน ๑๕ ป แตผูกระทําเขาใจไปวา
              ผูเสียหายอายุเกินกวา ๑๕ ป และศาลก็เชื่อวาผูกระทําเขาใจผิดเชนนั้นจริง ตองถือวาผูกระทํา

              ¢Ò´à¨μ¹Òกระทําความผิดฐานนี้ตามมาตรา ๕๙ วรรคสาม ที่บัญญัติวา “ถาผูกระทํามิไดรูขอเท็จจริง
              อันเปนองคประกอบของความผิดจะถือวาผูกระทําประสงคตอผล หรือยอมเล็งเห็นผลของการกระทํานั้น

              มิได” เมื่อไมรูก็คือไมมีเจตนาอันเปนการกระทําที่ขาดองคประกอบภายในเรื่องเจตนานั่นเอง ผูกระทํา
              จึงไมมีความผิดมาตรา ๒๗๗ คดีในทํานองนี้จึงนาจะปรับดวยมาตรา ๕๙ วรรคสามมากกวา ที่จะปรับ

              ดวยมาตรา ๖๒ วรรคแรก เพราะมาตรา ๖๒ วรรคแรกจะนํามาใชเปนคุณแกผูกระทําก็ตอเมื่อมีการ
              กระทํานั้นครบองคประกอบภายนอกและผูกระทํารูขอเท็จจริงคือมีเจตนาแลวเทานั้น
                             อยางไรก็ตาม ปจจุบันมีบัญญัติในมาตรา ๒๘๕/๑ บัญญัติวา “ถาการกระทําความผิด

              ตามมาตรา ๒๗๗... หากเปนการกระทําตอà´ç¡ÍÒÂØäÁ‹à¡Ô¹ÊÔºÊÒÁ»‚ ËŒÒÁ͌ҧ¤ÇÒÁäÁ‹ÃÙŒÍÒÂØ¢Í§à´ç¡
              à¾×èÍãËŒ¾Œ¹¨Ò¡¤ÇÒÁ¼Ô´¹Ñé¹” ดังนั้น ขอเท็จจริงตามฎีกาในกรณีเด็กอายุยังไมเกินสิบสามป ฎีกานั้น

              จะใชเปนบรรทัดฐานไมไดแลว แตถาเปนกรณีที่เด็กอายุเกินสิบสามป เชน ในคําพิพากษาศาลฎีกา
              ที่ ๖๔๐๕/๒๕๓๙ ซึ่งเด็กอายุ ๑๔ ป ๔ เดือน ไมอยูในหลักเกณฑของมาตรา ๒๘๕/๑ นี้ ฎีกานี้จึงยัง

              ใชเปนบรรทัดฐานไดอยู
                           ÁÒμÃÒ ò÷÷ ÇÃäÊͧ ถากระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง เปนการกระทําแกเด็ก

              อายุไมเกิน ๑๓ ป ผูกระทําตองรับโทษหนักขึ้น
                             ÁÒμÃÒ ò÷÷ ÇÃäÊÒÁ ถาการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง

              ไดกระทําโดยทําใหผูถูกกระทําเขาใจวาผูกระทํามีอาวุธปนหรือวัตถุระเบิด ผูกระทําก็ตองรับโทษหนักขึ้น
              ขอใหนักเรียนดูคําอธิบายในมาตรา ๒๗๖ วรรคสอง

                             ÁÒμÃÒ ò÷÷ ÇÃäÊÕè ถาการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ไดกระทํา
              โดยมีอาวุธปนหรือวัตถุระเบิดหรือโดยใชอาวุธ หรือโดยรวมกระทําความผิดดวยกันอันมีลักษณะเปนการ

              โทรมเด็กหญิงหรือกระทํากับเด็กชายในลักษณะเดียวกัน ผูกระทําตองรับโทษหนักขึ้น ขอใหนักเรียนดู
              คําอธิบายในมาตรา ๒๗๖ วรรคสาม

                             ÁÒμÃÒ ò÷÷ ÇÃäˌÒ
                             ความผิดตามที่บัญญัติไวในวรรคหนึ่ง ถาเปนการกระทําโดยบุคคลอายุäÁ‹à¡Ô¹
              ÊԺỴ»‚กระทําμ‹Íà´ç¡«Öè§ÁÕÍÒÂØ¡Ç‹ÒÊÔºÊÒÁ»‚áμ‹ÂѧäÁ‹à¡Ô¹ÊԺˌһ‚ โดยà´ç¡¹Ñé¹ÂÔ¹ÂÍÁ ศาลที่มีอํานาจ

              พิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวจะพิจารณาใหมี¡Òä،Á¤ÃͧÊÇÑÊ´ÔÀÒ¾¢Í§à´ç¡¼ÙŒ¶Ù¡¡ÃÐทําËÃ×Í

              ¼ÙŒ¡ÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´ตามกฎหมายวาดวยการคุมครองเด็กแทนการลงโทษก็ได ในการพิจารณาของศาล
   326   327   328   329   330   331   332   333   334   335   336