Page 517 - 08_กฎหมายอาญา_Neat
P. 517

๕๐๔




              ที่ ๑ เปนเหตุใหผูโดยสารในเรือจําเลยที่ ๑ ถึงแกความตายและบาดเจ็บ เชนนี้แสดงวาจําเลยทั้งสอง
              มีความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเชนจําเลยทั้งสองซึ่งขับขี่เรือยนต

              สวนทางกัน  จักตองมีตามวิสัยและพฤติการณ  จําเลยทั้งสองจึงตองมีความผิดฐานกระทํา
              โดยประมาทเปนเหตุใหผูอื่นถึงแกความตายและบาดเจ็บ
                          (ò) ®Õ¡Ò·Õè òòñò/òõóò  จําเลยที่ ๒ ขับรถมาตามถนนพหลโยธินจากสามแยก

              เกษตรมุงหนาไปทางลาดพราวเมื่อถึงสี่แยกพหลโยธินตัดกับถนนรัชดาภิเษก สัญญาณไฟจราจรเปน
              สีแดง จําเลยที่ ๒ ไดขับรถเคลื่อนอยางชาๆ ฝาฝนสัญญาณไฟแดงจราจรสีแดงเขาไปในสี่แยก

              จนเลยเสนสีขาวที่กําหนดใหรถหยุดประมาณ ๑๐ เมตร เกือบถึงกลางสี่แยก รถจําเลยที่ ๒ จึงขวางทาง
              จําเลยที่ ๑ ซึ่งแลนมาดวยความเร็วตามถนนรัชดาภิเษกดานถนนวิภาวดี-รังสิต มุงหนาไปตาม

              ถนนรัชดาภิเษกเขาไปในสี่แยก รถจําเลยที่ ๑ หามลอและหักหลบเฉี่ยวชนรถจําเลยที่ ๒ แลว
              เสียหลักไปทางขวาไปชนรถที่จอดรอสัญญาณไฟจราจรในถนนรัชดาภิเษกดานที่มาจากลาดพราว

              และชนผูเสียหาย พฤติการณเชนนี้ถือไดวาจําเลยที่ ๒ ขับรถดวยความประมาทเปนเหตุโดยตรง
              ทําใหรถจําเลยที่ ๑ เฉี่ยวชนรถจําเลยที่ ๒ และชนผูเสียหายไดรับอันตรายแกกาย
                          (ó) ®Õ¡Ò·Õè òñõô/òõóô จําเลยที่  ๒  สําคัญผิดวาบุตรแรกเกิดของตนถึงแก

              ความตายแลวจึงโยนลงมาจากหนาตางโรงแรม แมโจทกจะไมมีพยานรูเห็นวา จําเลยที่ ๑ รวมลงมือ
              กระทําความผิดกับจําเลยที่ ๒ แตการที่ จําเลยที่ ๑ อยูรวมหองเดียวกับจําเลยที่ ๒ ตามลําพัง

              ในขณะที่จําเลยที่ ๒ คลอดบุตร จําเลยที่ ๒ ยอมตองมีความเจ็บปวด ซึ่งจะตองเรียกใหจําเลยที่ ๑
              ชวยเหลือตน ตามพฤติการณจึงมีเหตุผลใหเชื่อไดวาจําเลยที่ ๑ ไดรูเห็นในการคลอดบุตรของจําเลย

              ที่ ๒ แมจะเปนการคลอดกอนกําหนดประมาณ ๒ เดือนเศษก็หาใชวาเด็กทารกจะไมมีชีวิตรอดอยู
              เสมอไปไม จําเลยที่ ๑ ในฐานะบิดายอมมีหนาที่ตองเอาใจใสดูแลบุตรดวยการใชความระมัดระวัง

              ตรวจดูใหถวนถี่เสียกอนวาบุตรที่เกิดมายังมีชีวิตรอดอยูหรือไม มิใชปลอยใหจําเลยที่ ๒ โยนบุตร
              ทิ้งไปโดยมิไดหามปรามทั้งๆ ที่จําเลยที่ ๑ สามารถใชความระมัดระวังในกรณีเชนนี้ได จําเลยที่ ๑
              จึงมีความผิดฐานกระทําโดยประมาทเปนเหตุใหผูอื่นไดรับอันตรายแกกายตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๐

                          การกระทําโดยประมาทที่เกิดขึ้น ถึงแมวาจะเปนการประมาทอยางรายแรงสักเพียงใด
              ถาไมถึงขั้นเกิดอันตรายแกกายหรือจิตใจแกผูอื่นแลวก็ยังถือไมไดวามีความผิดตามมาตรานี้

                          ÍØ·ÒËó
                          ®Õ¡Ò·Õè ñ÷÷ð/òõñö  แมการขับรถของจําเลยเปนที่นาหวาดเสียว เปนเหตุใหเกิด
              ชนกันอยางแรง และตางเสียหายมากอยางไรก็ตาม แตเมื่อลักษณะบาดแผลของผูเสียหายที่ไดรับ

              เพียงเจ็บบริเวณขอศอก ปลายแขนซายมีรอยชํ้าเล็กนอย รักษาประมาณ ๒ วัน เทานี้ยังไมรุนแรง
              จนเปนเหตุใหเกิดอันตรายแกกาย อันจะเปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๐

                          (¢) 㪌กําÅѧทําÌҼٌÍ×è¹â´ÂäÁ‹¶Ö§¡Ñºà»š¹àËμØãËŒà¡Ô´ÍѹμÃÒÂá¡‹¡ÒÂËÃ×ͨÔμã¨
                          ÁÒμÃÒ óùñ ผูใดใชกําลังทํารายผูอื่นโดยไมถึงกับเปนเหตุใหเกิดอันตรายแกกาย

              หรือจิตใจตองระวางโทษจําคุกไมเกินหนึ่งเดือน หรือปรับไมเกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
   512   513   514   515   516   517   518   519   520   521   522