Page 67 - 123456_Neat
P. 67

62






                 3.7 การตีราคาตามวิธีต้นทุนมาตรฐาน (Standard Cost)

                       ต้นทุนมาตรฐาน คือ ต้นทุนของสินค้าที่กิจการอุตสาหกรรมคิดไว้ล่วงหน้าว่าจะใช้วะ . ค่าแรงงาน
           ค่าใช้จ่ายในการผลิต ต่อสินค้า 1 หน่วย รวมเป็นจ านวนเงินเท่าใด และจะน าไปเปรียบเสี กับต้นทุนจริง (Actual

           Cost)  เพื่อเป็นการวัดประสิทธิภาพในการด าเนินการผลิต ซึ่งบางครั้งกิจก อาจใช้ต้นทุนมาตรฐานเป็นราคา

           สินค้าคงเหลือ เพื่อความสะดวกในการค านวณก็ได้ แต่กิจการที่จะ ต้นทุนมาตรฐานเป็นราคาสินค้าคงเหลือ
           จะต้องแน่ใจว่าต้นทุนนั้นใกล้เคียงกับความจริงมากที่สุด

                  3.8 การตีราคาตามวิธีการแบ่งส่วนทุนของสินค้าที่ซื้อมารวม ๆ กัน

                      (Relative Sales Value Method)
                       กรณีที่กิจการซื้อสินค้ามารวม ๆ กัน หรือซื้อสินค้าเป็นการเหมามาจ าหน่าย โดยแบ่งแยก ออกขาย

           เป็นหลาย ๆ ราคา กิจการจะคิดราคาทุนของสินค้าโดยใช้ราคาขายเป็นเกณฑ์ในการเปรียบเทียบ แล้วน ามาแบ่ง

           ส่วนตามราคาขายของสินค้าแต่ละกลุ่ม เช่น การซื้อที่ดินแปลงใหญ่แล้วน ามาจัดสรรเป็น แปลงเล็ก ๆ ขายใน

           ราคาแตกต่างกัน เป็นต้น



           4.ข้อเปรียบเทียบผลของการตีราคาสินค้าคงเหลือตามวิธีต่าง ๆ

                 4.1 การใช้วิธีราคาที่ซื้อจริงแต่ละครั้ง (Specific Identification)

                       การใช้วิธีราคาที่ซื้อจริงแต่ละครั้ง จะท าให้ราคาสินค้าคงเหลือตรงตามความเป็นจริงมากที่สุด แต่ถ้า
           ไม่สามารถจะทราบว่าราคาทุนของสินค้าแต่ละชิ้นเป็นเท่าใดแน่นอน วิธี FIFO จะให้ผลใกล้เคียง ความจริงมาก

           ที่สุดทั้งในด้านการเคลื่อนไหวของราคาทน (Flow  of  Cost)  และการเคลื่อนไหวของสินค้า(Flow  of  Goods)

           เพราะในทางปฏิบัติกิจการมักจะขายสินค้าที่ซื้อมาก่อนออกไปก่อน ดังนั้นต้นทุน ของสินค้าที่ขายจะถูกต้อง
           ใกล้เคียงความจริง และสินค้าคงเหลือก็จะใกล้เคียงกับราคาในท้องตลาด ในวันท างบแสดงฐานะการเงิน

                  4.2 การค านวณราคาสินค้าคงเหลือตามวิธีถัวเฉลี่ย (Average Method)

                       การค านวณราคาสินค้าคงเหลือตามวิธีถัวเฉลี่ย จะให้ผลใกล้เคียงกับวิธี FIFO  ในกรณีที่ ไม่อาจ

           ทราบได้ว่าสินค้าคงเหลือเป็นสินค้าที่ซื้อมาครั้งใด เพราะสินค้านั้นปน ๆ กันอยู่ ซึ่งวิธีถัวเฉลี่ย จะเป็นวิธีที่
           เหมาะสม

                  4.3 ถ้าราคาสินค้าในตลาดไม่ขึ้น-ลงมากนัก

                       ถ้าราคาสินค้าในตลาดไม่ขึ้น-ลงมากนัก การตีราคาสินค้าโดยวิธีอื่นจะได้ผลไม่ต่างจากวิธี FIFO
           นัก แต่ถ้าราคาสินค้ามีการเปลี่ยนแปลงมาก วิธีการตีราคาสินค้าวิธีอื่นจะได้ผลต่างไปจากวิธี FIFO มาก และถ้า

           ราคาสินค้าโดยทั่วไปสูงขึ้น ต้นทุนตามวิธี FIFO  จะต ่า ท าให้ก าไรสูง แต่ถ้าราคาสินค้า ทั่วไปลดต ่าลง ต้นทุน

           ขายจะสูง ท าให้ก าไรต ่าไปด้วย

                  4.4 วิธี LIFO จะให้ผลไปในทางตรงกันข้ามกับวิธี FIFO
   62   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72