Page 24 - ดับตัวตนค้นธรรม2566
P. 24
16
พอไม่บอกว่าเป็นเรา ไม่บอกว่าเป็นเขา ไม่บอกว่าเป็นใคร นั่นคือ การแยกกายแยกจิต เขาเรียก “แยกรูปแยกนาม” แล้วเห็นความเป็นอนัตตา อนัตตา คือความไม่ใช่เรา ไม่ได้บอกว่าเป็นเรา เป็นเขา หรือเป็นใคร เป็นแค่ รูปกับนาม เป็นแค่ใจที่ว่าง ๆ กับรูปที่นั่งอยู่ เพราะฉะน้ัน ในชีวิตของเราจะเห็นว่า ท่ีเรียกว่าชีวิตน้ี รูปนามกายใจท่ีเคยเข้าใจว่าเป็นของเราเป็นเรามาตลอด ลองดูสิว่า พอแยกกันออกมาแล้ว รูปนามกายใจไม่ได้บอกว่าเป็นเรา ไม่ได้ บอกว่าเป็นใครเลย มีแต่เพียงกายกับจิตที่อาศัยกัน และกาลังเป็นไปตาม เหตุปัจจัยอยู่เท่านั้นเอง ลองดู ขณะที่เห็นอย่างน้ี จิตใจรู้สึกเป็นอย่างไร ? ขณะท่ีเห็นเป็นคนละส่วน ใจรู้สึกโล่ง รู้สึกเบา รู้สึกสบาย ไม่มีอุปาทาน ไม่ยึด ว่าเป็นของเรา จิตใจสบายไหม ? น่ีคือการพิจารณาสภาวธรรมที่เกิดขึ้น ที่ผู้ปฏิบัติสามารถเห็นได้เข้าถึงได้แล้ว ให้สังเกตพิจารณาแบบนี้ ถามว่า ดีกับชีวิตไหม รู้สึกดีไหมการได้เห็นความจริงแบบนี้ จิตใจเบาสบายหรือเปล่า ? อันนี้ให้สังเกตดู
ลองสังเกตต่อนะ จิตท่ีว่างเบาให้กว้างกว่าตัวได้ กว้างเท่าท้องฟ้าได้ ทีน้ีลองคิดอีกทีหน่ึง คิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้นในชีวิตของเรา คิดถึง เรื่องราวเป็นอย่าง ๆ แล้วให้จิตที่เบาโล่ง ที่ว่างจากตัวตน ไม่มีเรา แต่มี สติสัมปชัญญะชัดเจนน้ันกว้างกว่าเรื่องท่ีคิด กว้างแค่ไหน ? สมมติ
16