Page 32 - ดับตัวตนค้นธรรม2566
P. 32
24
นาจิตที่ว่างเบามาใช้ประโยชน์ตอนท่ีน่ังกรรมฐานนั่งสมาธิด้วย และวิธีการ เพิ่มพลังบุญเพ่ิมพลังจิตให้กับตนเองเพ่ือความสุขในชีวิตประจาวัน
เกิดคาถามว่า การยกจิตขึ้นสู่ความว่างเป็นการมโนเอาเองหรือเปล่า ? อันนั้นไม่ต้องไปกังวล ถ้าใครมโนแล้วจิตเบาจริงได้ ความทุกข์หายไปได้ ก็นับว่าเก่ง นับว่าเป็นเรื่องดี เพราะถ้าสามารถคิดแล้วทาให้จิตโล่งเบาได้ ความทกุ ขห์ ายไปได้ กถ็ อื วา่ เปน็ สง่ิ ทดี่ ี แตส่ ว่ นใหญแ่ ลว้ มโนไมไ่ ด้ คา วา่ “มโน” ก็คือว่าไม่ว่างแล้วคิดว่าว่าง อันน้ีเป็นเรื่องที่ไม่ดี ต้องทาได้จริง ต้องพิสูจน์ได้จริง ต้องรู้สึกได้จริง อย่างท่ีบอกว่า รู้สึกทุกข์ก็คือทุกข์ รู้สึกหนักก็คือหนัก รู้สึก อึดอัดก็คืออึดอัด ต้องชัดเจนตามท่ีเป็นจริง รู้สึกโล่งก็คือโล่ง เบาก็คือเบา สุขก็คือสุข รู้สึกตามน้ันจริง ๆ ไม่ใช่ว่ามันเป็นแบบน้ีเรียกว่าโล่งแล้วมั้ง อันนี้ไม่ได้! ถ้าคิดว่า แบบน้ีเรียกว่าโล่งแล้ว แบบนี้เรียกว่าสุขแล้ว แต่ไม่รู้สึกจริง ๆ ก็จะกลายเป็นมโนเอาหรือตีความเอา แต่ถ้าเป็นความโล่ง ความเบาก็ต้องรู้สึกได้จริง เหมือนเราอาบน้า น้าเย็นก็รู้สึกเย็นจริง ๆ น้าร้อน ก็รู้สึกร้อนจริง ๆ น่ันแหละ ไม่มีคาแปล เพราะฉะน้ัน ความรู้สึกจริง ๆ ของเรา นั่นคือความซื่อสัตย์ต่อตนเอง คนที่ได้ประโยชน์ก็คือผู้ปฏิบัติเอง ไม่ใช่แค่ถูกหรือผิด
24