Page 107 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 107

627
แคไ่ หน ดอี ยา่ งไร พอจติ เรามกี า ลงั มากขนึ้ อาการเกดิ ดบั ตอ่ ไปเขาเปน็ อยา่ งไร เขาเกดิ แบบไหน เกดิ ตา แหนง่ ไหน เร็ว ช้า ชัด ไม่ชัด เราก็กลายเป็นว่า อ๋อ!เราต้องสังเกตแบบนี้ ไม่ต้อง...ทาแบบนี้
ไมใ่ ชบ่ อกใหท้ า แบบน.ี้ ..คอื แคน่ ี้ ใหท้ า แบบนี้ อยา่ งเชน่ เออ่ !ตอ่ ไปใหเ้ กาะตดิ อาการ เกาะตดิ อาการ ให้มาก พอเกาะติดอาการเกิดดับ พอเกาะเสร็จ เอ๊ะ!อย่างไร จริง ๆ แล้ว เกาะติดอาการเกิดดับแล้วก็ยัง สังเกตดูว่า ทาไมตอนที่เรายังไม่เกาะติดอาการเกิดดับ ตอนที่เราตามรู้อาการนี่นะ อาการเกิดดับเขาเป็น แบบนี้ ๆ สภาพจิตเป็นแบบนี้ แต่พอให้เกาะติดอาการปุ๊บนี่นะ อาการเกิดดับเขาเปลี่ยนไปอย่างไร สภาพ จิตเปลี่ยนไปอย่างไร ประเด็นคือ มีอะไรเกิดขึ้นและต่างจากเดิมอย่างไร อาการที่เคยเป็นอยู่เขาเปลี่ยนไป อย่างไร ต่างจากเดิมอย่างไร ต่างจากเดิมทั้ง ๑ อาการ ลักษณะของอาการเกิดดับ ๒ สติของเรา ๓ สมาธิ คือตั้งมั่นขึ้นไหม สภาพจิตเราเปลี่ยนไปอย่างไร ตรงนี้แหละเราได้รู้อะไร มีตัวตน...ไม่มีตัวตน สภาพจิต... จิตมีความผ่องใสขึ้น สะอาดขึ้นหรือเปล่า...อันนี้ คือการที่เราสังเกตฝึกว่าเรารู้ตรงนี้
ทาให้เมื่อก่อนอาจารย์ก็ไม่รู้ พอสภาวะแบบนี้ คาถามแบบนี้ ทาให้จับประเด็นถูกว่า อ๋อ! สิ่งที่ต้อง รู้คือแบบนี้ เมื่อก่อนนี่นะท่านแม่ครูฯ เฉลยน้อย อย่างท่านบอกทาแบบนี้ อาจารย์ก็เล่าให้ท่านฟังว่า เอ่อ! ทาแล้วรู้สึกว่าจิตมันเบาขึ้น โล่งขึ้น สมมตินะ ยกตัวอย่างง่าย ๆ พอให้อาการ พอเห็นอาการเกิดดับปุ๊บนี่ นะ ให้จิตอยู่ที่เดียวกับอาการและดับไปพร้อมอาการ เหมือนเคาะเสียงให้ฟังนี่นะ แล้วท่านก็บอก อ้อ! เป็น อย่างไร พอจิตอยู่ที่เดียวกับอาการ เอ่อ! อาการดับปื๊บ จิตมันดับปื๊บ ดับแล้วรู้สึกอย่างไร ดับแล้วโล่งไป อ่ะ! ถูกแล้ว ทาแบบนี้แหละ คือทาแบบนี้แหละถูกแล้ว ทาแบบนี้แหละคือให้จิตอยู่ที่เดียวกับอาการ แล้ว สังเกตว่าจิตดับไปด้วยกับอาการ
แต่ต่อไปนี่นะ คือเมื่อเราทาถูกแล้ว สังเกตถูกแล้วนี่นะ ทาต่อไป ๆ แล้วเขาเปลี่ยนอย่างไร ไม่ใช่ ทาเพื่อให้เป็นอย่างนี้ คือให้เห็นการเกิดดับของจิตกับอาการดับด้วยกันไปเรื่อย ๆ แล้วจากที่ดับแล้วโล่งนี่ นะ ตรงความโล่งนี่นะจะเปลี่ยนไป ลักษณะอาการเกิดดับก็เปลี่ยนไป ดับแบบเด็ดขาดมากขึ้นกว่าเดิมไหม ดบั ชดั ขนึ้ ไหม แลว้ สภาพจติ เปลยี่ นไปอยา่ งไร นคี่ อื สงิ่ ทเี่ ราตอ้ งสานตอ่ ...สงั เกตตอ่ ทนี ถี้ า้ ยกตวั อยา่ งวา่ ฟงั เสยี งแลว้ มนั ดบั ไปดว้ ย แลว้ อาการอนื่ เราตอ้ งสงั เกตแบบนไี้ หม อาการเกดิ ดบั อยา่ งอนื่ กต็ อ้ งรแู้ บบเดยี วกนั คือให้จิตดับไปด้วยกับอาการ ไม่ใช่เฉพาะเสียงอย่างเดียว พอเวทนาขึ้นมา เวทนาเกิด เห็นอาการเกิดดับ เวทนา ก็ต้องให้จิตไปอยู่ที่อาการเกิดดับนั้นดับไปกับอาการ ถ้ามีความคิดเกิดขึ้นมา ความคิดมันผุดขึ้นมา ลองดสู พิ ออาการดบั ใหจ้ ติ ดบั ไปกบั อาการ ความคดิ ดบั จติ ทรี่ ดู้ บั ไปกบั ความคดิ ทกุ ครงั้ ๆ ไปเลย นคี่ อื ตอ้ ง ใช้กับทุก ๆ อารมณ์ เขาเรียกว่าใช้กับทุก ๆ อารมณ์ ไม่ใช่แค่อารมณ์เดียว
เ พ ร า ะ ฉ ะ น นั ้ เ ว ล า เ ร า เ ด นิ ป บ๊ ื เ ว ล า ก ร ะ ท บ ฟ บ๊ ึ ฟ บ้ ึ ห า ย ๆ ใ ห จ้ ติ อ ย ท่ ู เี ่ ด ยี ว ก บั อ า ก า ร แ ล ว้ ก ด็ บั ไ ป ด ว้ ย กับอาการทุกครั้ง ๆ ดูสภาวะเขาจะเปลี่ยนไปอย่างไร อันนี้คือใช้กับทุก ๆ อารมณ์ อันนี้เวลาเพิ่มให้จิตดับ ไปกับอาการนะ ก็ต้องใช้แบบนี้ อันนี้อย่างหนึ่ง แล้วเวลาเราดูสภาพจิต พอดูจิตที่ผ่องใส จิตที่สะอาดที่ใส ขึ้น เข้าไปแล้วมันขยายกว้างออก มาดูต่อเนื่อง...ถูกแล้ว เข้าไปแล้วจิตมันกว้างขึ้น ใสขึ้น ถูกแล้วดูต่อ จาก ที่กว้างแล้วก็เปลี่ยนทาเหมือนเดิม เข้าไปเรื่อย ๆ ๆ จากใสขึ้น กว้างขึ้น เบาขึ้น สว่างขึ้น โล่งขึ้น ดูเข้าไปใน


































































































   105   106   107   108   109