Page 171 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 171

691
ให้สังเกตตามรู้อาการเกิดดับ ในลักษณะอย่างที่เล่ามาเมื่อกี้นี้ ที่บอกมาเมื่อกี้นี้ ให้จนอาการนั้นสิ้นสุดลง แต่อีกอย่างหนึ่งก็คือว่า พอว่าง สงบ พอสงบขึ้นมาดูสภาพจิต สภาพจิตรู้สึกนิ่ง ๆ รู้สึกตั้งมั่นในบรรยากาศ แต่ในบรรยากาศว่าง ๆ ข้างหน้า ในบรรยากาศของความว่าง ๆ ข้างหน้าเงียบ ๆ ในนั้นจะมีอาการบางอย่าง เกิดขึ้นมา มีเป็นจุดบ้าง มีอาการเรือง ๆ บ้าง มีอาการไหว ๆ บ้าง หรือเป็นเส้นยิบ ๆ บ้างเกิดขึ้นมา พอนิ่ง อีกอาการเป็นเส้น อาการเรือง ๆ นั้นก็เริ่มเด่นขึ้นมานิดหนึ่ง แล้วก็หายไป เด่นขึ้นมานิดหนึ่งหายไป จาก ยิบ ๆ เปลี่ยนเป็นแป๊บหนึ่ง แป๊บตรงนั้น แป๊บตรงนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้น นั่นคือสิ่งที่ต้องสังเกต นั่นคือ สภาวธรรมที่เกิดขึ้น ถึงแม้อยู่ห่างเหมือนเป็นเงา ๆ นิดเดียวก็ตาม
อันนี้เป็นสิ่งสาคัญ เพราะว่าการที่เราดูสภาวะ ดูอารมณ์ สภาวธรรมที่เกิดขึ้น เมื่อจิตว่าง จึงบอก ว่าให้รู้ชัดว่าว่าง รู้ชัดว่าสงบ รู้ชัดว่านิ่ง รู้ชัดว่าตั้งมั่น รู้ชัดว่าผ่องใส ถ้ามีพลังแล้วนี่นะ อาการอย่างใดอย่าง หนงึ่ กเ็ กดิ ขนึ้ มา ถา้ สภาวธรรมในจติ มพี ลงั ขนึ้ สภาวธรรมอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ กจ็ ะปรากฏเกดิ ขนึ้ โดยธรรมชาติ จิตที่มีกาลังอยู่ ไม่มีอาการอะไรเกิดขึ้นเลย ลองสังเกตดี ๆ บางทีสภาวธรรมที่เกิดขึ้น แล้วเรารู้สึกว่าไม่ สาคัญก็เลยไม่ใส่ใจ อาการที่เกิดขึ้นเหมือนกับเป็นอารมณ์ที่เคยเกิดขึ้นแล้วธรรมดา เคยตามรู้แล้วมันก็ เปน็ ไปอยา่ งนนั้ แหละ แลว้ กห็ ายไปเฉย ๆ ไมม่ ผี ลอะไรเกดิ ขนึ้ ตาม ๆ ดไู ป อะ่ !เดยี๋ วกห็ ายไปเฉย ๆ ไมม่ ผี ล สภาพจิตไม่เปลี่ยน แต่ลองสังเกตดูสิว่า ขณะที่เราตามดูเฉย ๆ กับมีเจตนาที่จะใส่ใจให้รู้ชัด อะไรคือความ แตกต่างกัน
เพราะฉะนั้นพอนิ่งเกิดขึ้น พอว่างแล้วนิ่ง สังเกตมีจุดมีอาการไหว ๆ ขึ้นมา ถ้าเคยเห็นแล้วลอง สงั เกตใหม่ ใสใ่ จใหม้ ากขนึ้ สงั เกตดวู า่ ตอนนนั้ ขณะทเี่ รารไู้ ปเรอื่ ย ๆ อาการกเ็ ปลยี่ นไปแบบธรรมดาเรอื่ ย ๆ นี่นะ จิตของเรารู้สึกดี อยู่ที่เดียวกับอาการ หรือเป็นผู้ดูห่าง ๆ มีช่องว่างระหว่างอาการกับจิตที่ทาหน้าที่รู้ หรือเปล่า ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่จิตไปเห็นชัด หรือเข้าไปใกล้ ๆ แน่นอนความชัดเจนก็จะต่างไป สภาวะย่อม เปลี่ยนแปลง นี่เป็นเรื่องปกติ เหมือนเรามองอะไรใกล้ ๆ มองอะไรไกล ๆ เหมือนแม้แต่ภาพที่เห็นด้วยตา เปล่ามองไกล ๆ กับมองใกล้ ๆ ก็จะมีความแตกต่างกัน ความชัดเจนรายละเอียดของภาพเหล่านั้น ก็จะ เห็นถึงความแตกต่างกันออกไป
เพราะฉะนั้นสภาวธรรมที่เราเคยเห็น อาการเกิดดับ ไม่ว่าจะเป็นเส้น เป็นคลื่นมากน้อย มีอาการ กะพริบ หรือกระเพื่อม หรือระยิบระยับ หรือเหมือนพยับแปล๊บ ๆ ไปก็ตาม เมื่อเกิดขึ้นทุกครั้งที่เห็น สภาวธรรมเกิดขึ้น ที่เรารู้สึกว่าคล้ายกันเหมือนกัน แล้วจิตไม่ตื่นตัว ไม่ตั้งมั่น ไม่มีพลังเลย เห็นแบบนี้ จิตก็ยังเป็นเหมือนเดิม ยังเฉย ๆ นิ่ง ๆ เหมือนเดิม ตรงนี้ต้องสังเกตให้แยบคาย สังเกตให้ดีว่า ขณะนั้น เรามเี จตนาทจี่ ะเขา้ ไปรใู้ หช้ ดั ใหเ้ หน็ ถงึ ความแตกตา่ งไหม ไมใ่ ชไ่ ปบงั คบั ใหเ้ ขาแตกตา่ ง แตม่ เี จตนาเขา้ ไปรู้ ถึงจุดที่ต่างไป จุดไหนที่ต่างไป อย่างเช่น ก่อนหน้านั้นลักษณะอาการเกิด เรารู้ทันไหมว่าเวลาเกิดอาการ เหลา่ นนั้ อาการเกดิ ดบั นนั้ เกดิ แบบไหน ผดุ ขนึ้ มาแลว้ คอ่ ย ๆ เกดิ ขนึ้ มา หรอื ตอนเกดิ ไมท่ นั ทนั ตอนทมี่ อี ยู่ แล้วก็พอดูไปแล้วก็มี แล้วก็เลื่อนไป ๆ ดับก็ดับแบบเลือน ๆ ๆ ๆ ไม่เห็นดับเด็ดขาด เพราะดูไกล ๆ นี่คือ อย่างหนึ่ง นี่คือวิธีการสังเกตอาการ


































































































   169   170   171   172   173