Page 207 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 207

727
หนึ่ง ไอ...ต้องอาศัยกิเลสไหม...คาถามนะ บางทีเราไม่เคยคิด อาการไอต้องอาศัยกิเลสไหม...ไม่ต้อง แต่ ถ้าร้องไห้...อาศัยนะ
คอื รอ้ งไหน้ นี่ ะอาศยั ความทกุ ข์หรอื เปน็ อกศุ ลขนึ้ มาเกดิ ความทกุ ขค์ วามขนุ่ มวั ความไมส่ บายใจก็ รอ้ งไห้ แตถ่ า้ นา้ ตาไหลเพราะความดใี จ เรยี กวา่ ทกุ ขไ์ หม เออ่ !บางทปี ตี ขิ นึ้ มา ปตี ิ เราเรยี กวา่ สขุ นา้ ตากไ็ หล เพราะฉะนั้น จะกาหนดว่าร้อง...แค่น้าตาไหลแล้วเรียกว่าร้องไห้ทั้งหมด ไม่ดีทั้งหมด ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ผัสสะที่เกิดขึ้นมา ผัสสะที่กระทบขึ้นมา มีเวทนาเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป มีเวทนาเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป สภาพ จิตยังรู้สึกเป็นกุศล ยังสงบ ยังว่าง ยังเบาอยู่ แต่ถ้ากาหนดรู้ต่อเนื่องแบบนี้ การประคองจิตก็จะต่อเนื่อง
และการประคองจิต ตรงนี้เรียกว่าอะไร เขาเรียกมีตัวฉันทะ มีความพอใจที่จะดูสภาพจิตตัวเอง บ่อย ๆ วิธีประคองจิต คือฉันทะ ฉันทะคือความพอใจ พอใจทาอะไร พอใจในการดูสภาพจิต พอใจที่จะรู้ ถึงบรรยากาศสภาพจิต พอใจที่จะรู้ถึงความไม่มีตัวตน พอใจที่จะรู้ถึงความสงบ ที่เคยเป็น ที่กาลังเป็นอยู่ พอใจที่รู้จิตที่ใส ที่เบา ที่สงบอยู่แล้วนี่นะ พอใจที่จะรู้ไปเรื่อย ๆ ดูซ้า ๆ นิดหนึ่ง ลองดูนะ อันนี้พูดเป็น เบื้องต้นเลย จริง ๆ แล้ว เคยสอนมาบ่อย
พอเราเพมิ่ ความพอใจในจติ ทผี่ อ่ งใส...ตอนนี้ จติ ทมี่ .ี ..ความรสู้ กึ มพี ลงั มคี วามผอ่ งใส แลว้ ทา ความ พอใจใหก้ วา้ งกวา่ พลงั นนั้ ไมต่ อ้ งกวา้ งเกนิ สมมตวิ า่ ความรสู้ กึ ผอ่ งใสขนาดนี้ ทา ความพอใจใหก้ วา้ งขนาด นี้ แล้วก็พอใจในความผ่องใส ของจิตที่ผ่องใส แล้วนิ่งนิดหนึ่ง พอนิ่งปุ๊บนี่นะ ลองดูว่าจิตที่ผ่องใส ยังอยู่ ที่เดิมหรือมีพลังมากขึ้น หรือมีพลังหนาแน่นขึ้น ผ่องใสขึ้น เห็นไหม...ความพอใจ จึงบอกว่าแค่เราพอใจ แต่ไม่ใช่พอแล้ว คนละอย่างกัน พอใจในความดี แล้วความดีจะเพิ่มขึ้น
แล้วความพอใจไม่ใช่กิเลสเหรอ วิธีก็คือว่า จิตที่ผ่องใสขึ้น ประกอบด้วยกิเลสไหม มีตัวตนไหม มีโลภะไหม มีโทสะไหม มีโมหะไหม ต้องเข้าไปสารวจอย่างนี้ ไม่ใช่แค่พอทาความพอใจ แล้วก็เป็นความ อยาก หรือเป็นกิเลสโดยที่ไม่พิจารณา อันนั้นไม่ดี ตรงนี้เขาเรียกขาดปัญญา เพราะฉะนั้น การทาแบบนี้ การประคองจิตตัวเอง การที่พอใจในความดีแบบนี้ อยู่เนือง ๆ อยู่เรื่อย ๆ พอใจจะยืน จะเดิน จะนั่ง จะ นอน จะกิน จะดื่ม ทา พูด คิด พอใจที่จะดูสภาพจิต ทาด้วยความรู้สึกที่ไม่มีตัวตน
จริง ๆ แล้ว จะสนุกมากเลย การเป็นผู้ปฏิบัตินี่นะ ถ้าพอใจที่จะทาแบบนี้ จะสนุกในการรู้เท่าทัน อารมณต์ วั เอง รเู้ ทา่ ทนั กเิ ลสของตวั เอง รเู้ ทา่ ทนั ความอยากของตวั เอง รเู้ ทา่ ทนั ความชอบไมช่ อบของตวั เอง เวลาเดินไป ไปเห็นภาพนี้รู้สึกชอบ พอจะหันปุ๊บ รู้ทัน แล้วไปดูสภาพจิต พอรู้ทัน อันนี้จะซ้า จะดูซ้า จะ มองซ้า จะไปดู เพ่งพินิจดูนาน ๆ จะดูว่าอะไรเกิดขึ้นมา เจตนาในการรู้ตรงนั้นเป็นอย่างไร เรารู้ทันปุ๊บ จะ ดูต่อ ไม่ดูต่อ อันนี้อีกเรื่องหนึ่ง ถ้ารู้ทันปุ๊บ แล้วดับ ดับปุ๊บ รู้สึกเป็นอย่างไร
โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ อารมณท์ เี่ กดิ ขนึ้ เหมอื นภาพทเี่ หน็ ใบไม้ ตน้ ไม้ ดอกไมก้ ต็ าม ตอนนเี้ ปน็ อารมณ์ ธรรมชาติ แต่ลักษณะที่เหมือนกันก็คือว่า ความรู้สึกของคนเรา จิตคนเรา เมื่อมีผัสสะปื๊บจะมีอาการดูซ้า ผัสสะปื๊บ เหมือนกับหันไปดูนิดหนึ่ง ๆ แต่ดูแล้วนี่นะ จะปรุงแต่งต่ออย่างไร อันนั้นอีกอย่างหนึ่ง แต่ที่เรา


































































































   205   206   207   208   209