Page 227 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 227

747
ตามกาลัง พอเปลี่ยนอาการ...สภาพจิตก็เปลี่ยน แต่การเปลี่ยนสลับกันแบบนี้ แต่ละอารมณ์แต่ละบัลลังก์ แต่หลังจากอาการต่าง ๆ จบบัลลังก์แล้วนี่นะ ปฏิบัติไปจนสิ้นสุดบัลลังก์ จากที่วาบ ๆ ตื่นตัว แล้วก็เปลี่ยน มาเป็นสงบ แล้วพอจบออกจากบัลลังก์ การนั่งสมาธิหรือการเดินจงกรมปุ๊บนี่นะ ถามว่าพลังตรงนี้ สภาพ จิตตรงนี้ เขาจะหายไปเลยไหม หรือยังต่อเนื่อง
ถึงแม้เราไม่ได้พิจารณาอาการเกิดดับ แบบตอนที่เราเดินจงกรม หรือนั่งสมาธิ ในอิริยาบถย่อย สภาพจิตตรงนี้ก็ยังต่อเนื่องไป เพราะฉะนั้นเราจะรู้สึกว่า บางครั้งออกจากกรรมฐานแล้วนี่นะ ตอนที่อยู่ใน กรรมฐานสภาพจิตดี ๆ พอออกจากกรรมฐานไป ก็ดีอยู่สักประมาณ ๓-๔ วัน จากนั้นก็ อ้าว!ไม่ดีอีกแล้ว ทาไมถึงดีอยู่ ๓-๔ วัน นั่นคือกาลังของสติสมาธิยังต่อเนื่องอยู่ เขาเรียกว่ากาลังของสมาธิยังต่อเนื่อง เรา จึงรู้สึกว่าดีอยู่ ๓-๔ วัน
แต่ถ้าปัญญาเราชัด เขาไม่ได้อยู่แค่ ๓-๔ วัน ปัญญาที่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่หมดพลัง ที่ลดลงคือพลังสมาธิ แต่สติไม่ได้ลดลงหรอก ถ้ามีปัญญาด้วยแล้ว ปัญญาที่เรารู้ว่า ทาอย่างไรจิตถึงจะว่าง ถึงจะเข้าสู่ความสงบ ได้ง่าย คนผู้มีปัญญาสมาธิก็ตั้งอยู่ได้นาน มีปัญญาสมาธิตั้งอยู่ได้นาน เข้าถึงได้ง่าย ตั้งอยู่ได้นานด้วย เพราะอะไร เรารู้ว่าเราเคยปฏิบัติมาแล้ว กาหนดอย่างไร ทาอย่างไรจิตถึงว่าง ทาอย่างไร ถึงจะเข้าสู่ความ สงบนั้นได้ง่ายขึ้น
เพราะฉะนั้นเวลาปฏิบัตินี่นะ จึงให้สังเกตว่า อาการต่อจากนี้เปลี่ยนไปอย่างไร กาหนดแบบนี้จิต เป็นอย่างไร เข้าไปรู้ว่าสภาพจิตเปลี่ยนอย่างไร อาการเกิดดับตรงนี้หมดไป สภาพจิตเป็นอย่างไร ถ้าเราดู กว้าง ๆ โดยที่ปล่อยให้มันเรื่อย ๆ ไป สภาพจิตเป็นอย่างไร รู้ว่าทาแบบไหนจิตเป็นอย่างไร นั่นคือปัญญา อย่างหนึ่ง เขาเรียกรู้วิธีทา การที่จะละ การที่จะวาง การที่จะปล่อยวางอารมณ์ การที่จะยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ ทาอย่างไร ถึงจะยกจิตขึ้นสู่อารมณ์นั้นได้ ทาอย่างไร จะยกจิตขึ้นสู่ความว่างความสงบได้ ทาอย่างไรจึง เป็นการยกจิตสู่วิปัสสนา
การใช้ปัญญาที่พิจารณาอารมณ์ อาการพระไตรลักษณ์ที่เกิดขึ้น อันนี้พูดถึง ถ้าเราปฏิบัติแล้ว การ ดูสภาพจิต ถ้าเราสนใจอยู่เรื่อย ๆ ต่อไปจะกลายเป็น...เขาเรียกกลายเป็นอุปนิสัย หรือความเคยชิน เวลา มีความคิดขึ้นมา มีผัสสะทางตาขึ้นมา จิตก็จะกลับมาดู จิตเรารู้สึกอย่างไร กระทบแล้วรู้สึกอย่างไร เห็น แล้วรู้สึกอย่างไร เห็นแล้วรู้สึกอย่างไร ได้ยินแล้วรู้สึกอย่างไร คิดแล้วรู้สึกอย่างไร
รสู้ กึ อยา่ งไร ในทนี่ หี้ มายถงึ กลบั มาดจู ติ ตวั เอง...จติ เปน็ อยา่ งไร ด.ี ..ไมด่ ี หวนั่ ไหวไหม หรอื วา่ สงบอยู่ มีความขุ่นมัวไหม อันนี้อย่างหนึ่ง ส่วนใหญ่ก็คือรู้แบบนี้ แต่ที่ตามมาก็คือว่า ถ้าเรารู้แค่นี้ รู้แค่นี้ก็ยังดี ดี ที่เราได้เห็นสภาพจิตตัวเอง ได้ใส่ใจตัวเองอยู่บ่อย ๆ เหมือนกับคอยดูจิตใจตัวเองอยู่เรื่อย ๆ ทีนี้สิ่งที่ตาม มาอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า การปฏิบัติของเรา เราปฏิบัติเพื่ออะไร เพื่อการละ ละความทุกข์ ดับทุกข์ ละอกุศล ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเรานี่นะ


































































































   225   226   227   228   229