Page 70 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 70
590
ก็มาเลย ก็เป็นอารมณ์ปัจจุบัน ทีนี้ถ้า...มาเลยแบบนั้น ทาอย่างไร สติยังไม่พร้อม สมาธิยังไม่พร้อม ยังไม่ พอที่จะกาหนดความคิดได้
จรงิ ๆ แลว้ ไมใ่ ชส่ มาธไิ มพ่ อ จติ ตา่ งหาก...ไมพ่ รอ้ มทจี่ ะกา หนดอารมณป์ จั จบุ นั เพราะมคี วามรสู้ กึ ว่า ต้องให้สงบกว่านี้ แล้วค่อยกาหนดความคิดได้ แต่ถ้าเปลี่ยนความคิดใหม่ เปลี่ยนทัศนคติใหม่ ปรับ ใหม่ เราปฏิบัติธรรม เราจะกาหนดอารมณ์ปัจจุบัน ที่กาลังปรากฏเฉพาะหน้า ไม่ว่าจะเป็นลมหายใจ ไม่ว่า จะเป็นอาการพองยุบ ไม่ว่าจะเป็นเวทนา ไม่ว่าจะเป็นความคิด อารมณ์ไหนก็ตามที่ปรากฏขึ้นมาก่อน ฉัน จะกาหนดอารมณ์นั้น นั่นคืออารมณ์ปัจจุบัน และจะไม่ปฏิเสธ ไม่คล้อยตาม ถามว่าทาอย่างไร เป็นเรื่อง ธรรมดาอยู่เอง ว่าความคิดนั้นเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นภายใน เป็นสิ่งที่ใกล้จิตเราที่สุด ที่จะสามารถรบกวน จิตใจ ทาให้ไม่สงบได้มากที่สุด แต่สิ่งเหล่านี้เราจัดการได้ด้วยอะไร...ด้วยปัญญา
ความคิดที่เกิดขึ้น เราจะกาหนดรู้ได้ด้วยปัญญา ปัญญาอย่างไร ปัญญาคือการเห็นว่า ความคิดก็ เปน็ ธรรมดาของความคดิ ตอ้ งทา หนา้ ทขี่ องตน เรามเี จตนาทจี่ ะกา หนดรคู้ วามคดิ ไมใ่ ชผ่ ลกั ความคดิ ไมใ่ ช่ ปฏิเสธความคิด และไม่คล้อยตามความคิด เปลี่ยนทัศนคติ ทาความพอใจให้เกิดขึ้น เราอาจจะเคยได้ยิน ว่า จงทาความพอใจให้เกิดขึ้น ปรารภความเพียร เพื่อความตั้งอยู่ ความไม่เลอะเลือนแห่งธรรม การที่เรามี สติ ตงั้ สติให้ดี ใช้ปญั ญาพจิ ารณาถึงความเป็นคนละส่วน ระหวา่ งความคิดทเี่ กิดขึ้นกับจิตที่ทา หนา้ ที่รู้ เป็น คนละส่วนกัน ถ้าเมื่อไหร่ที่มีเจตนาแบบนี้ เขาก็จะแยกเองโดยอัตโนมัติ
มีเจตนาที่จะกาหนดรู้ว่า จิตที่ทาหน้าที่รู้กับความคิดที่เกิดขึ้น เป็นส่วนเดียวกันหรือคนละส่วนกัน ถ้าเรายิ่งเคยเห็นแล้ว ยิ่งเคยเห็นว่า ความคิดกับจิตที่ทาหน้าที่รู้เป็นคนละส่วนกันนี่นะ หลับตา...เจตนาที่ จะดูที่จิต ดูตัวรู้เลย ไม่ต้องไปกังวลกับความคิด ดูจิตที่ทาหน้าที่รู้ความคิดเลยว่า ตอนนี้ความคิดเกิดขึ้น มา ตัวรู้ทาหน้าที่ ตัวรู้นิ่ง ๆ ๆ นิ่งดู นิ่ง...คอยสังเกต ความคิดใหม่ขึ้นมาแล้วก็เปลี่ยนไป ความคิดใหม่มา เปลี่ยนไป ไม่ไหลตาม พอ...ที่นิ่ง และมีเจตนาพอใจที่จะรู้แบบนี้นะ พอใจ...มีเจตนาที่จะรู้ สติก็จะเพิ่มขึ้น สติจะแก่กล้าขึ้น จิตตั้งมั่นขึ้น
ต่อไป ช่องว่างระหว่างความคิดกับจิตที่ทาหน้าที่รู้ ก็จะมีช่องว่างห่างกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ความคิดก็ อยหู่ า่ งออกไป ไกลออกไป ตวั รกู้ จ็ ะมคี วามตงั้ มนั่ ขนึ้ มคี วามสงบขนึ้ พอจติ ตงั้ มนั่ ขนึ้ สงบขนึ้ ความคดิ นอ้ ย ลง หมดไป ก็กลายเป็นความสงบอยู่ดี เข้าสู่ความสงบได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น ในขณะปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะเดินจงกรม หรือนั่งสมาธิก็ตาม มีอารมณ์ไหนขึ้นมา ให้พอใจกาหนดรู้อย่างนี้ ถ้ากาหนดรู้อย่างนี้ เราจะเหน็ วา่ ความคดิ ไมใ่ ชม่ ารทไี่ หนเลย ความคดิ ทเี่ กดิ ขนึ้ กเ็ ปน็ สภาวธรรมอยา่ งหนงึ่ เปน็ เรอื่ งของขนั ธ์ ๆ หนึ่ง เป็นสัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์
ถา้ เราไมเ่ ขา้ ใจ เรากจ็ ะรสู้ กึ วา่ โอ!่ เปน็ เรอื่ งท.ี่ ..แทนทจี่ ะเปน็ เรอื่ งดี กลายเปน็ เรอื่ งรสู้ กึ ไมด่ ี เพราะไป ยกให้เป็นศัตรู เป็นมารไป จิตจึงอ่อนแอ แต่ถ้าให้รู้ว่า นั่นคือสภาวธรรมอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น บางขณะ บาง บัลลังก์ เราอาจจะใช้เวลาทั้งชั่วโมง ที่จะกาหนดรู้ความคิด รู้อาการเกิดดับความคิด ใช้เวลาทั้งชั่วโมงกว่าที่ จะสงบ หรือความคิดนั้นจะน้อยลงได้ น้อยลงได้ก็ไม่ผิด ถึงแม้เราจะเปลี่ยนอารมณ์อื่น กว่าที่จะสงบ บาง