Page 77 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 77
597
ทาไมถึงสาคัญ การดับแบบเหลือเศษไม่เหลือเศษของอารมณ์ ที่สาคัญเพราะว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้น อาการพระไตรลักษณ์ที่เกิดขึ้นตรงนี้ การที่รู้ชัดในอารมณ์ดับแบบเหลือเศษไม่เหลือเศษ ก็เหมือนกับเวลา มีกิเลสเกิดขึ้นมาที่จิตใจของเรานั่นแหละ ความรู้สึกหดหู่ ขุ่นมัว โทสะ ปฏิฆะ โลภะ โมหะเกิดขึ้นมา เวลา อารมณ์เหล่านั้นหมดไปนี่นะ ยังมีเหลือเศษไหม หรือดับแล้วเกลี้ยงไปเลย ดับแล้วว่าง ดับสว่าง ดับใส ดับ แล้วชัดเลยว่า โมหะดับแล้ว โลภะดับแล้ว ปฏิฆะดับไป พอดับปึ๊บกลายเป็นเกลี้ยง เป็นจิตดวงใหม่ที่สว่าง กว่าเดิม
เราจะได้อะไร ดับไม่เหลือเศษนั่นเป็นอย่างไร ในแต่ละขณะดับไม่เหลือ ดับเป็นสมุจเฉทในแต่ละ ขณะนนี่ ะ...ดบั เดด็ ขาด ตรงนแี้ หละการทดี่ บั ไมเ่ หลอื เศษไมเ่ หลอื เชอื้ การทเี่ หน็ อารมณเ์ หน็ จติ ดบั แบบนี้ เมอื่ มีผัสสะใหม่ อารมณ์เหมือนเดิม อารมณ์เหมือนเดิม เสียงเหมือนเดิม ความคิดเหมือนเดิม แต่รสชาติหรือ กิเลสไม่เหลือเหมือนเดิมแล้ว ไม่ได้ใช้ความรู้สึกที่มีกิเลสเหมือนเดิม ไม่มีติดเชื้อความชอบไม่ชอบ พอใจ ไม่พอใจค้างอยู่ มีแต่จิตที่ผ่องใส มีจิตดวงใหม่เกิดขึ้นมารู้ดับไป จิตดวงใหม่ขึ้นมาแล้วผ่องใสมากขึ้นกว่า เดิม นั่นกลายเป็นว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้นนี่นะ ที่เคยทาให้อกุศลเกิด อกุศลไม่เกิด นั่นเป็นผลสืบเนื่องต่อกัน มา แล้วพอเห็นอย่างนี้มาก ๆ นี่นะ ต่อไปเขาจะทาหน้าที่ของตนเอง
การที่เห็นอาการเกิดดับของรูปนาม การเกิดดับของอารมณ์อย่างชัดเจนว่า ดับแล้วมีเศษหรือไม่มี เศษ ไม่เหลือเศษ ตรงที่เราเห็นว่า อารมณ์ความรู้สึกความพอใจไม่พอใจ เวลาดับไปไม่เหลือเศษนะ แล้ว ที่เหลือคืออะไร เมื่อความไม่พอใจดับเกลี้ยงไปเลย สิ่งที่เหลือคืออะไร เหลือสภาพจิตอันไหน สภาพจิตที่ สงบที่ผ่องใส เหลือแต่จิตที่สะอาด เหลือแต่จิตที่บริสุทธิ์ ตรงนั้นแหละที่จะรู้ว่า จิตที่ไม่ประกอบด้วยอกุศล ที่ไม่ประกอบด้วยโลภะ ไม่ถูกครอบงาด้วยโมหะนั้นเป็นอย่างไร ตรงนี้จะทาให้ผู้ปฏิบัติเอง โยคีเอง เห็น สภาพจิตของตนเองด้วยตัวของตัวเองจริง ๆ เรารับรองตัวเองเห็นด้วยตัวเอง ว่าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ใสจริง สะอาดจริง ว่างจริง โล่งจริง กิเลสมันหมดดับไปจริง ๆ
พอเกิดใหม่ก็รู้ว่าเป็นของใหม่ไม่ใช่ของเก่า เป็นของใหม่ไม่ใช่ของเก่า เกิดจากอารมณ์ใหม่ ขณะ ใหม่ ผัสสะใหม่ขึ้นมา แล้วก็ดับแบบเดิม แต่สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือที่บอกว่า จิตที่ผ่องใสหรือสงบสะอาดนี่นะ จิตที่ผ่องใสหรือสงบตรงนี้จะกลายเป็น...เขาเรียกสภาพจิต สภาพจิตขณะใหญ่ สภาพจิตใจบุคคลนั้นเป็น อยา่ งไร กลายเปน็ วา่ บคุ คลนนั้ อยดู่ ว้ ยสภาพจติ ใจทมี่ คี วามสงบรองรบั เปน็ พนื้ ฐาน มคี วามสงบเปน็ พนื้ ฐาน มีความสว่างเป็นพื้นฐาน หรือที่เรียกว่าเป็นบรรยากาศรองรับ มีความผ่องใสมีความสุขเป็นตัวรองรับ มี ความสงบมีความสุขอยู่ภายในลึก ๆ เป็นตัวรองรับ รองรับอะไร รองรับอารมณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามา ที่มีผัสสะ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ รองรับในที่นี้ไม่ใช่รับเอา แต่รองรับถึงมีตัวบรรยากาศตรงนี้รองรับ เป็นกาลัง เป็นกาลังจิต เป็นพลังของจิตที่เป็นตัวรองรับในการรับรู้อารมณ์ต่าง ๆ
เมื่อสภาพจิตเป็นแบบนี้ อย่างที่บอกแล้ว สภาพจิตมีความผ่องใสขึ้นตั้งมั่นขึ้น อารมณ์ที่เกิด ขึ้นตอนนี้ เข้ามากระทบจิตใจ เข้ามาปรุงแต่งจิตใจให้เกิดอกุศลไหม เข้ามาทาให้เราหลงไปกับอารมณ์ เหล่านั้นไหม ทาจิตให้เราเกิดความยินดีไม่ยินดีกับอารมณ์เหล่านั้นหรือเปล่า นี่คืออย่างหนึ่งที่เราจะเห็นได้