Page 81 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 81
601
เกิดไหม เมื่อเห็นเป็นแบบนี้แล้ว ควรจะทาดาริที่จะมีความเพียรให้ต่อเนื่องไหม เพื่อความชัดเจนมากขึ้น เพื่อความอิสระมากยิ่งขึ้นไป นี่คือการพิจารณาอย่างหนึ่งว่า สภาวธรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบอกอะไรกับเรา
การทาใด ๆ การกาหนดรู้สภาวธรรมอะไร ไม่ใช่บังคับต้องเป็นอย่างนั้นต้องเป็นอย่างนี้ แต่การที่ เรายกจิตสามารถใช้จิตที่สงบ เคยเห็นจิตที่สงบแล้วเอามาใช้งาน เคยเข้าถึงความสุข สามารถเติมความสุข ได้ เอาความสุขมาใช้งานในการรับรู้ เพิ่มพลังให้กับจิตตนเองได้ เพราะนั่นเป็นสภาวธรรมที่สามารถทาได้ คือจิตเป็นจิตดวงหนึ่งที่เป็นกุศล ที่เราสามารถนามาใช้ประโยชน์ ที่บอกว่าจิตที่ฝึกดีแล้ว ทาให้เห็นว่าจิตมี ความสุข จิตมีความสงบ มีความนุ่มนวล มีความอ่อนโยน มีความมั่นคง มีความตื่นตัว เมื่อเห็นแบบนั้น แล้ว ถ้าสามารถนาจิตดวงใดดวงหนึ่งมาใช้ได้ ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
อย่างเช่นขณะที่เรานั่งกรรมฐาน พอกาหนดรู้อารมณ์ไปแล้ว...ว่าง ดูสภาวธรรมแล้วว่าง ๆ ไม่ตื่น ตวั รสู้ กึ วา่ ไมต่ นื่ ตวั สตเิ รมิ่ ออ่ น สามารถเตมิ ความรสู้ กึ ทตี่ นื่ ตวั เลยไดไ้ หม เพมิ่ ความตนื่ ตวั ไดเ้ ลย...ไมม่ ผี ดิ สามารถเพิ่มความตื่นตัวก็ได้ เพิ่มความสุขก็ได้ เพิ่มความสดชื่นก็ได้ อย่างใดอย่างหนึ่งเข้าไปในใจที่มัน สะลึมสะลือ ที่เริ่มเฉื่อย ๆ เปลี่ยนมัน เปลี่ยนจิตดวงใหม่ ถามว่าเติมลงไปแล้วรู้สึกเขาตื่นตัวขึ้น ๆ แล้วทา อย่างไร จริง ๆ แล้ว เมื่อจิตตื่นตัวขึ้นมีกาลังขึ้น ลองสังเกตดูว่าเมื่อจิตตื่นตัวขึ้น อาการอะไรปรากฏชัด มสี ภาวธรรมอะไรปรากฏตอ่ จากนนั้ ไมว่ า่ มสี ภาวธรรมอะไร อาการเกดิ ดบั อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ขนึ้ มา กก็ า หนด รู้อาการเกิดดับนั้นไป
พอกาหนดรู้อาการเกิดดับไป อาการเกิดดับเบาลงบางลง ความตื่นตัวลดลง เพิ่มใหม่ได้เลย เติม ซ้า ๆ ทาซ้า ๆ ได้ ตรงนี้ไม่ผิด การเพิ่มพลังให้ตนเอง การเพิ่มพลังตรงนี้ทาไมถึงไม่ผิด เพราะการเพิ่มพลัง ตรงนี้ เป็นการปรับอินทรีย์อย่างหนึ่ง เป็นการเพิ่มสติ เพิ่มสมาธิ เพิ่มปัญญาในการใส่ใจ ในการพิจารณา สภาวธรรมที่เกิดขึ้น การที่ทาซ้า ๆ ก็คือความเพียร ทาแล้วทาอีก กาหนดแล้วกาหนดอีก เติมแล้วเติมอีก จนกว่าอุปสรรคหรือว่านิวรณ์อันนั้นจะหายไป
การละนิวรณ์ นิวรณ์หายไป จิตผ่องใสขึ้นมา นั่นคือตัดตัวขวาง ขวางอะไร ขวางการเดินทางไป สู่มรรคผลนิพพาน หรือการเดินทางของธรรมะ การเจริญสติ...นั่นเอง ถ้ามีความง่วงขึ้นมา มีความง่วงมา ขวางสภาวธรรมเขาไม่ชัดเจน กลายเป็นว่านิวรณ์ตัวนั้น เป็นตัวขัดขวางปัญญา ไม่ให้เห็นสภาวธรรม ไม่ให้ เหน็ อาการพระไตรลกั ษณไ์ ดช้ ดั เจน นนั่ คอื ขดั ขวางปญั ญาของเรา เพราะฉะนนั้ การเพมิ่ ความตนื่ ตวั จงึ ไมใ่ ช่ การผิด ไม่ใช่การเล่นนะ ไม่ใช่การเล่น สามารถทาได้นะ ไม่ได้หมายความว่าพออาจารย์สอนเติมความสุข เพิ่มพลังได้แล้ว พอถึงเวลาจริง ๆ ไม่เอามาใช้เลย...กลัวผิด อันนั้นไม่ได้นะ
ต้องรู้ว่าสภาวธรรม ธรรมะที่เราปฏิบัติได้แล้ว จึงบอกว่าจิตที่ฝึกดีแล้วใช้งานอะไรได้บ้าง จิตที่มี ความโล่งความเบา สอนตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่แรก ๆ ว่ายกจิตขึ้นสู่ความว่าง ถามว่าจิตที่ว่างเบา สามารถ ทาหน้าที่รับรู้อารมณ์ได้ไหม ใช้งานได้ไหม เริ่มถามตั้งแต่ตอนแรกเลย ถ้าจิตที่ว่างเบาเปลี่ยนเป็นสงบ จาก จิตที่ว่างเบาเปลี่ยนเป็นมั่นคง จากจิตที่ว่างเบาตั้งมั่นขึ้น จากจิตที่ว่างเบาแกร่งแข็งแกร่งขึ้น ถามว่าสามารถ ใชง้ าน ใชอ้ ยา่ งแบบเดยี วกนั ...ใชไ้ ดเ้ ลย ใชแ้ บบเดยี วกบั ตอนแรกจากจติ ทวี่ า่ งเบานนั่ แหละ ไมใ่ ชพ่ อจติ สงบ