Page 96 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 96
616
เป็นสาระหรือไม่เป็นสาระ เหลืออยู่ ๒ อย่างเอง สาคัญไม่สาคัญ จาเป็นไม่จาเป็น ดีหรือไม่ดี เขาย่อลงมา อยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ว่าอะไรเต็มไปหมดแล้ว เพราะจิตเขาสรุปได้ง่าย ว่าอะไรคือเป็นสาระ สาระคือเป็นทุกข์... เป็นสุข เป็นประโยชน์...เป็นโทษ มีคุณ...มีโทษอย่างไร
พอจิตมีความสงบ ที่เขาแยกได้ง่ายเพราะอะไร ที่เขาแยกได้ง่ายตรงนี้ เพราะจิตที่มีความสงบ และเป็นระเบียบ จิตที่มีระเบียบ...มีสงบ เป็นระเบียบมีสติดี ข้อมูลก็เป็นระเบียบ ก็จะสรุปเรื่องราวต่าง ๆ ได้ง่าย เขาเรียกว่า การตัดสินอารมณ์จะเร็ว ตัดสินอารมณ์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น จิตจะสรุปอารมณ์ต่าง ๆ ได้ ง่ายขึ้น อันนี้อย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นการดูจิตในจิต นอกจากเห็นสภาพจิตตรงนี้แล้ว ทีนี้...ความคิดที่เกิด ขึ้น พอพูดถึงความคิดที่เกิดขึ้น เวลามีความคิดเกิดขึ้นทาอย่างไร จริง ๆ คือสานต่อ ความคิดที่เกิดขึ้น ถ้า จิตเราว่าง ให้ความคิดนั้นเกิดอยู่ในที่ว่าง ๆ
เวลาปฏิบัติ เวลาเราเจริญกรรมฐาน เราปฏิบัติธรรม ปัญญาที่เราต้องการคืออะไร ปัญญาที่เราต้อง พฒั นา คอื อาการพระไตรลกั ษณ์ ปญั ญาทรี่ ชู้ ดั ถงึ การเกดิ ขนึ้ ตงั้ อยู่ ดบั ไป ความเปน็ อนจิ จงั ทกุ ขงั อนตั ตา ของอารมณ์นั้น ๆ เพราะฉะนั้น เมื่อมีอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น มีความคิดเกิดขึ้น จึงให้มีเจตนาที่ จะรวู้ า่ ความคดิ นนั้ เกดิ ดบั อยา่ งไร ความคดิ นนั้ เกดิ อยทู่ ไี่ หน ความคดิ นนั้ บอกวา่ เปน็ เราหรอื เปลา่ ความคดิ นนั้ อยอู่ ยา่ งนนั้ ตลอด หรอื เดยี๋ วเปลยี่ น เดยี๋ วเกดิ แลว้ ดบั เกดิ แลว้ ดบั เกดิ แลว้ ดบั รอู้ าการพระไตรลกั ษณต์ รงนี้ การรู้อาการพระไตรลักษณ์ตรงนี้แหละ จะทาให้เป็นการตัดอารมณ์ให้สั้นลงเรื่อย ๆ อายุอารมณ์สั้นลง
และความคิดตรงนี่นะ ความคิดที่เกิดขึ้นท่ีเขาสร้างภพชาติ คิดแล้วปรุงแต่งไปต่าง ๆ นานา แล้ว เข้าไปยึดเอา แล้วก็สร้างภพสร้างชาติไปเรื่อย ๆ แต่เมื่อมีเจตนาเข้าไปรู้อาการเกิดดับ ของตัวความคิดเอง เกิดแล้วดับ ๆ ความคิดไม่ได้เป็นของเรา รู้แต่ว่าคิดดี คิดไม่ดี มีสาระ ไม่เป็นสาระ อะไรที่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องคิด อะไรไม่จาเป็นต้องคิด ไม่จาเป็นต้องคิด แล้วมันก็เกิดดับ รู้การเกิดดับ พอสนใจอาการเกิดดับ ตรงนี้แหละ นี่คือปัญญาอย่างหนึ่ง รู้กฎไตรลักษณ์ ซึ่งเป็นเป็นหลักสาคัญในการที่เราจะละ
สงั เกตไหม เวลาเราละอะไรไมไ่ ด้ อารมณต์ า่ ง ๆ ไมจ่ บนนี่ ะ เมอื่ มผี สั สะขนึ้ มา มคี วามรสู้ กึ ไมส่ บายใจ ความคิดจะไปเรื่อย ๆ ๆ ไม่มีการสิ้นสุด และการดูจิตตรงนี้ การรู้อาการเกิดดับของความคิด ตัวจิตอย่าง หนึ่ง อ้าว!ข้ามไป ข้ามไปก่อน ข้ามอะไรไม่รู้นะ ข้ามอะไรก็ไม่รู้นะ เดี๋ยวก็ค่อยว่ากัน แต่การท่ีเราจะรู้ตรงนี้ เพราะฉะนั้นเวลาเราปฏิบัตินี่นะ เวลาเราเจริญกรรมฐาน จึงต้องมีเจตนาที่จะรู้ อาการเกิดดับของความคิด ทีนี้ปัญหาก็มีอยู่ว่า โยคีจะรู้สึกว่าดูแล้วไม่เห็นเลย ไม่เห็นความคิด ไม่เห็น...ไม่เคยเห็นดับเลย พอรู้อีกที หายไปแล้ว หายไปแล้ว
จรงิ ๆ ไมใ่ ชป่ ญั หา แตป่ ระเดน็ คอื เพยี งแตว่ า่ ตอนนเี้ ราเหน็ แคน่ ี้ ประเดน็ ไมไ่ ดห้ มายความวา่ ความ คดิ เขาไมด่ บั ไมใ่ ชว่ า่ เราดบั ไมไ่ ด้ เพยี งแตว่ า่ สตเิ ราขณะนี้ เราเหน็ แคน่ ี้ คอื เหน็ วา่ มนั ดบั ไปแลว้ เรากอ็ นมุ าน ว่าความคิดมันดับ แต่ในขณะเดียวกัน รู้ว่าความคิดมันผ่านไปแล้วดับไปแล้ว ยังไม่เห็นการดับ เพราะ ฉะนั้น เมื่อยังไม่เห็นการเกิดการดับของตัวความคิดจริง ๆ จึงต้องใส่ใจมากขึ้น จาเป็นต้องใส่ใจมากขึ้น ต้องใส่ใจมากขึ้น เขาเรียกว่าความเพียร ความเพียรเพ่งเผากิเลส เพียรที่จะรับรู้