Page 10 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 10

หลงั จากกลบั มาทถี่ า้ พทุ ธโคดม ทกุ ๆ วนั หลงั บณิ ฑบาตและฉนั อาหาร เสร็จ ท่านก็จะนั่งที่ชะง่อนหิน หันหน้ามองไปทางตรัง รอนับวันว่าเมื่อไหร่จะ ออกพรรษา
ครั้นเมื่อออกพรรษาแล้ว ท่านก็มุ่งไปที่สานักวิปัสสนาพัฒนาทาง จิตอีกครั้ง คราวนี้ตั้งใจจะขอปฏิบัติธรรมกับท่านแม่ครู แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะ อยู่ที่สานักฯ นาน แต่กว่าท่านจะได้พบท่านแม่ครูก็ต้องใช้เวลานานถึง ๓ เดือน ทั้งที่กุฏิก็ห่างกันไม่ถึงร้อยเมตร แต่ก็ไม่เคยได้พบท่านแม่ครู
จนวันหนึ่ง ขณะที่พระอาจารย์กาลังทาสีปรับปรุงโรงทาน ท่านแม่ครู ก็มาที่โรงทานแล้วถามว่า “พระคุณเจ้า จะเป็นการเสียศักดิ์ศรีไหมถ้าดิฉัน จะถวายความรู้” ในใจพระอาจารย์ขณะนั้นรู้สึกดีใจมาก จึงตอบไปว่า “อาตมาไมม่ ศี กั ดศิ์ ร”ี ทา่ นแมค่ รจู งึ ไดน้ มิ นตพ์ ระอาจารยม์ าทศี่ าลาธรรมรตั นะ เพื่อถวายความรู้เป็นครั้งแรก
ท า่ ม ก ล า ง ห ม โ่ ู ย ค ภี า ย ใ น ศ า ล า ธ ร ร ม ร ตั น ะ ท า่ น แ ม ค่ ร นู มิ น ต พ์ ร ะ อ า จ า ร ย ์ หันหลังให้กระดาน แล้วท่านก็เขียนคาตอบเฉลยล่วงหน้าไว้บนกระดาน หลังจากนั้นจึงเริ่มให้พระอาจารย์ปฏิบัติตามที่ท่านบอก แล้วตอบคาถามท่าน ทีละข้อ เมื่อจบคาถามแล้ว พระอาจารย์จึงได้หันมาดูคาตอบบนกระดาน ปรากฏว่าตอบได้ถูกทุกข้อ เป็นที่ฉงนแก่บรรดาโยคีทั้งหลายในที่นั้น
จากนั้นท่านแม่ครูจึงเริ่มสอนและสอบอารมณ์พระอาจารย์ หากแต่ว่า สอนได้ไม่นานท่านก็มีกิจธุระที่จังหวัดพะเยา ระหว่างอยู่ที่สานักฯ ทุก ๆ วัน ขณะปฏิบัติธรรม พระอาจารย์ก็จะมองไปที่กุฏิท่านแม่ครู รอว่าเมื่อไหร่ ท่านจะกลับ ใจระลึกถึงท่านตลอดเวลา แม้ขณะสรงน้า ซึ่งสมัยนั้นยังต้อง ใช้วิธีโยกปั๊มน้าบาดาล พระอาจารย์ก็ยืนหันหน้าไปทางกุฏิท่านแม่ครู ทั้ง ๆ ที่ หากพบท่านแม่ครูจริงก็คงไม่กล้าคุยกับท่าน


































































































   8   9   10   11   12