Page 126 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 126

102
เกิดรอบตัวเรา ที่กระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย หรือใจ ที่เกิดขึ้นมา พร้อมที่จะเข้าใจถึงสิ่งนั้น ๆ เราจะเข้าใจถึงธรรมชาติเหล่านั้นได้ง่าย
การที่เราเข้าใจธรรมชาติเหล่านั้น และยอมรับในสิ่งที่ธรรมชาติ นั้น ๆ ที่เขาเป็นอย่างนั้น เราก็จะมาพัฒนาตัวเอง ปรับปรุงตัวเอง ว่าเรา ควรทาอย่างไร การรับรู้อารมณ์เหล่านั้น ทาอย่างไรถึงจะไม่ทุกข์ หรือไม่ ให้อารมณ์เหล่านั้นบีบคั้นจิตใจของเรา หรือรับรู้แบบไหนแล้วกิเลสไม่เกิด หรืออกุศลจิตไม่เกิด นั่นแหละเป็นสิ่งที่เราต้องพิจารณา
สังเกตดูว่า ถ้าเรารับรู้อารมณ์ต่าง ๆ ที่มากระทบทางทวารทั้งหก ด้วยความรู้สึกที่ไม่มีเรา มีแต่จิตที่ทาหน้าที่รู้ แล้วสังเกตดูว่า อารมณ์เหล่า นั้นมากระทบจิตใจของเราหรือไม่ ทาให้เราเกิดความขุ่นมัวความเศร้าหมอง หรือไม่ หรือทาให้เราเห็นความเป็นไปของสภาวะนั้น ตามความเป็นจริงว่า เป็นอย่างนั้นเอง
อย่างที่พูดเมื่อเช้าว่า ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ไหนเกิดขึ้นมา เขาก็เป็นไป ด้วยเหตุปัจจัย รู้ตามความเป็นจริง เหมือนต้นไม้ตั้งอยู่ในที่แจ้ง ก็ต้องรับ ทั้งแดดทั้งลม เรามีตาหูจมูกลิ้นกายใจครบ เราก็ต้องรับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น รอบตัวเราเหมือนกัน เป็นธรรมชาติที่ต้องรู้ เกิดทางตา ทางหู ทางจมูก ทาง ลิ้น ทางกาย ทางใจ กระทบเข้ามาแล้วสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น และทาให้เราเป็นทุกข์ ก็คือ มี “เรา” เกิดขึ้นมา
พอมี “เรา” มีอะไร ? ที่จริงตามหลักเขาบอก.. พอมีผัสสะเกิดขึ้น มา เวทนาเกิดขึ้น “ผัสสะ” เกิดขึ้นมา การกระทบทางตา ทางหู ทางกาย หรือทางใจ มี “เวทนา” เกิดขึ้น เวทนา คืออะไร ? ก็คือความรู้สึกดีหรือ ไม่ดีเกิดขึ้น ตรงนั้นล่ะคือตัวเวทนา ความรู้สึกดีไม่ดีเกิดขึ้น แล้วอะไร ตามมา ? “ตัณหา” ก็ตามมา ตัณหา คืออะไร ? ความอยาก อยากให้เป็น อย่างนั้น อยากให้เป็นอย่างนี้ ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ไม่อยากให้เป็นอย่าง นี้ นั่นคือตัวตัณหา ความอยากเกิดขึ้น อะไรตามมา ? “อุปาทาน”


































































































   124   125   126   127   128