Page 130 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 130

106
ตามหลักของหมอแล้ว แค่เราหายใจเข้าออก รูปเราก็มีการทาลายตัวเองไป ในตัว ถึงระดับละเอียดถึงเซลล์ของเรา หายใจเข้าออก มันก็จะมีการ เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เซลล์นี้ตายไป สร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมา เปลี่ยนแปลงอยู่ เสมอ นั่นคือหลักการของหมอที่เขาวิจัยออกมา
แต่ถ้าสติเรามีกาลังมาก เราไม่ได้เห็นแค่รูปที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ ทุกขณะ แต่ไปเห็นลักษณะของจิตที่มีการเกิดดับอยู่เนือง ๆ ซึ่งจิตนั้นมี ความละเอียดมากกว่ารูป จิตมีการเกิดดับเร็วกว่ารูปหลายเท่า ถ้าเราเห็น อาการเกิดดับของจิตมาก ๆ เราก็จะเห็นว่าผลที่ตามมาเป็นอย่างไร เพราะ ฉะนั้น การที่เราจะพัฒนาจิตเรา ทาจิตของเราให้ผ่องใส หรือดับทุกข์จาก จิตของเราได้ ก็ต้องอาศัยการพิจารณาดูจิตให้มาก รู้อาการเกิดดับของรูป นามให้มาก ๆ
ผลที่ตามมา เราจะรู้ชัดเองว่า เมื่อเห็นอาการเกิดดับของรูปนามอย่าง ต่อเนื่องแล้ว สภาพจิตใจเป็นอย่างไร ทาให้เราเข้าใจในธรรมชาติของชีวิต ของรูปนามอันนี้อย่างไร นั่นคือปัญญาที่จะเกิดขึ้นมา เมื่อปัญญาตรงนั้น เกิดขึ้น นั่นแหละคือสิ่งที่เราเข้าใจในสัจธรรมหรือธรรมะที่พระองค์ทรงตรัส ว่า รูปนามขันธ์ห้า ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เป็นแต่รูปนามที่กาลัง เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย
รูปนามอันนี้อาศัยธาตุสี่ขันธ์ห้าเกิดขึ้น อาศัยกรรมในอดีตที่เกิดขึ้น มา และกาลังเป็นไปตามกรรมในปัจจุบัน และปัจจุบันก็กาลังสร้างกรรม ใหม่ เพราะฉะนั้น เมื่อรู้ถึงธรรมชาติของรูปนามที่ไม่มีตัวเราของเราแล้ว ควรจะทาอย่างไร ? ควรจะปฏิบัติตนอย่างไรเพื่อไม่ให้ทุกข์กับรูปนาม อันนี้ ? พระพุทธเจ้าบอกว่ารูปนามขันธ์ห้าอันนี้ มีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา จงพิจารณาเนือง ๆ ว่า เรามีความเกิดเป็นธรรมดา เรามีความแก่เป็นธรรมดา เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา และมีความตายเป็นธรรมดา พิจารณาเพื่อความ พ้นทุกข์ของตนเอง


































































































   128   129   130   131   132