Page 148 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 148

124
บัลลังก์ก่อน เขาเกิดดับช้า ๆ ช้า ๆ สองสามครั้งแล้วหายไป พอบัลลังก์หลัง ลมหายใจเราเห็นวูบทีเดียวก็หายไปเลย นั่นคือ “ความต่าง” แล้วก็กลาย เป็นอาการอื่นปรากฏขึ้นมา นี่คือ “การเดินหน้าของสภาวะที่เกิดขึ้น”
เวลาดูสภาพจิตก็เหมือนกัน ดูเข้าไปในสภาพจิต ถ้าสภาพจิตเรา รู้สึกใส เข้าไปแล้วยิ่งใสมากขึ้น แล้วเขาเปลี่ยน ยิ่งใสมากขึ้น เข้าไปเรื่อย.. เรื่อย.. การดูสภาพจิตก็ดูให้ต่อเนื่อง การดูสภาพจิตไม่ใช่ไม่เห็นอาการ เกิดดับ ตรงนี้ทาความเข้าใจนิดหนึ่ง ตัวของสภาพจิตเองนั่นแหละที่มี การเกิดดับ มีการเปลี่ยนแปลง เราเข้าใจผิดคิดว่า อาการเกิดดับต้อง วาบ ๆ ๆ ขึ้นมาอย่างเดียว อาการเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตไม่เรียกว่า อาการเกิดดับ ไม่ใช่ ! เพราะขณะที่เรากาหนดสภาพจิต แล้วเห็นสภาพจิตเรา มีการเปลี่ยนเป็นขณะ ๆ ๆ นั่นคืออาการเกิดดับ เมื่อเห็นอย่างนั้น สามารถ กาหนดต่อไปได้เลย อาการเกิดดับอย่างอื่นไม่ปรากฏ แต่อาการเกิดดับของ สภาพจิตเรามีการเกิดดับต่อเนื่อง เพราะฉะนั้น กาหนดไปเลยจนอาการเกิด ดับนั้นหายไป ไม่ปรากฏอีก หรือจนกว่าเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น นี่วิธีกาหนด สภาวะให้ต่อเนื่อง
ของพระ.. อาจารย์ก็ตั้งใจไว้แล้วว่า ให้ทางานเสร็จ แล้วตอนนี้อาจารย์ จะให้เข้ากรรมฐานจริง ๆ แล้ว อาจารย์จะเข้มงวด ให้พระสร้างกุศล ได้บุญ สร้างที่พักให้ญาติโยมได้พัก.. ต่อไปก็หาที่พักของตัวเอง หาที่อยู่ของตัวเอง แล้ว สร้างที่พักที่เป็นทิพย์บ้างแล้ว อานิสงส์ตรงนี้ ระลึกถึงเมื่อไหร่ก็เอา บุญตรงนี้มาใช้ ไม่งั้นจะขาดกาลัง ปฏิบัติไปแล้วไม่ค่อยมีกาลัง เพราะฉะนั้น ให้ทา แล้วก็น้อมพลังอานิสงส์ตรงนั้นมาใช้ แล้วก็ปฏิบัติ
อาจารย์บอกว่า จากนี้ไปต้องปฏิบัติ ห้ามเข้ากุฏิ นั่งหน้ากุฏิ นั่งใต้ ต้นไม้ จะสัปหงกให้โยมเห็นก็เอา ไม่งั้นนี่ไม่ได้ ข้างนอกกุฏิอากาศดี ถึงแม้ เหงื่อจะไหลก็อากาศดีกว่า ออกซิเจนดี แล้วไม่หลับง่าย ๆ หรอก ที่ของเรา อากาศดี เดินจงกรมบ้าง นั่งสมาธิบ้าง พูดน้อยลง ต้องเอาจริง ๆ แต่จะเริ่ม


































































































   146   147   148   149   150