Page 159 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 159

135
เป็นจริง ตามสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า “สัพเพ สังขารา อนิจจา สัพเพ สังขารา ทุกขา สัพเพ ธัมมา อนัตตา สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง สิ่งทั้งหลาย ทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา”
ฉะนั้น ถ้าเราอยากทาจิตของเราให้ผ่องใส บริสุทธิ์หมดจดอย่าง สิ้นเชิง ทาจิตของตนให้ขาวรอบจริง ๆ ก็ต้องอาศัยวิธีนี้ อาศัยการพิจารณา รู้อาการเปลี่ยนแปลง การเกิดดับของรูปนามของเรา ตรงนี้เขาเรียก “กรรม- ฐาน” กรรมฐาน คือ การปฏิบัติ การเจริญสติ พิจารณาให้มีปัญญารู้ตาม ความเป็นจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นของรูปนาม ทั้งภายในและภายนอก
“รูปนามภายใน” ก็คือ อาการที่เกิดภายในกายของเรา อาการอาศัย ร่างกายของเรา อาศัยจิตของเรา “รูปนามภายนอก” ก็คือ อารมณ์ภายนอก.. เสียง กลิ่น รส ผัสสะที่เกิดขึ้น กับจิตที่เข้าไปรู้ เวลาที่เราได้ยินเสียง จะเห็น ว่าจิตมุ่งไปข้างนอก มุ่งไปที่เสียงนั้น รูปนามก็จะอยู่ข้างนอก ไม่ได้อยู่ที่ตัว ของเรา ขณะที่เราเจริญกรรมฐาน นั่งปฏิบัติ เราพิจารณาอารมณ์ภายในเป็น หลัก อารมณ์ภายใน.. อาการเกิดขึ้นของลมหายใจ อาการเต้นของหัวใจ อาการของเวทนา อาการของความคิด หรืออาการเกิดดับของสภาวธรรมที่ เกิดขึ้น นั่นน่ะ..พิจารณาอารมณ์ภายใน
การเห็น การได้ยินเสียง แล้วมุ่งไปอยู่นอกรูป ตรงนั้นเรียกว่าเป็น อารมณ์ภายนอก ล้วนแล้วแต่เป็นการกาหนดรู้อาการของรูปนามทั้งสิ้น ก็คือ ถ้าไม่มีนาม ไม่มีจิต การรับรู้ไม่เกิดขึ้น ถึงแม้จะมีอารมณ์ ก็รับรู้ไม่ได้ เมื่อ รับรู้ไม่ได้ อารมณ์นั้นจะมีได้อย่างไร ? ตรงนั้นแหละ.. คนอื่นบอกว่ามีเสียง แต่เราไม่ได้ยิน หูไม่ดีก็ไม่ได้ยิน เราจะบอกว่ามีเสียงก็ไม่ได้ ในเมื่อเราไม่ ได้ยิน
เพราะฉะนั้น อารมณ์เหล่านี้เกิดขึ้นเป็นขณะ ๆ จึงบอกว่าความทุกข์ ที่เกิดขึ้น หรือความสุขที่เกิดขึ้น หรือความทุกข์ที่ดับไป ในชีวิตของเราตลอด เวลา แต่ละวัน แต่ละวัน.. เราทุกข์ตลอดเวลาไหม ? เราสุขตลอดเวลาไหม ?


































































































   157   158   159   160   161