Page 173 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 173

149
เบิกบาน ทุกครั้งที่เห็นดับไป เกิดใหม่ก็จะผ่องใสขึ้นมา นั่นแหละเขาเรียก “จิตขณะแรก” หรือ “จิตเดิม” จริง ๆ แล้วเป็นจิตดวงใหม่ ที่เกิดขึ้นมาใหม่ ขณะแรก นั่นคือการพิจารณา
ทีนี้เราพิจารณาแบบนี้ ที่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ หรือว่าเรามี “สติ” นั่นคือวิธีปฏิบัติถึงความดับทุกข์ มีสติเข้าไปรู้การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ของเขา ทุกครั้งที่เห็นการดับไปหายไป ใจก็จะไม่เกาะเกี่ยว จะค่อย ๆ วาง ลง ความทุกข์ก็น้อยลง เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกว่าเป็นเราดับไปหายไป ทุกข์ที่ เคยแบกไว้ก็สลายไปหายไปเช่นกัน เมื่อไหร่ที่มีเราขึ้นมา เข้าไปมีอุปาทาน มีเรามีเขาเกิดขึ้น ความทุกข์ก็เกิดขึ้นมา มันก็จะวนเวียนอยู่อย่างนี้อยู่ เรื่อย ๆ ตราบใดที่เรายังมีการเวียนว่ายตายเกิด ก็จะเจอสภาพแบบนี้
เพราะฉะนั้น การที่จะให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดจริง ๆ พ้น จากความทุกข์จริง ๆ ทาอย่างไร ? จะไปถึงไหน ? เราก็เจริญรอยตาม คาสอนของพระพุทธเจ้า เพียรปฏิบัติ เพียรเจริญสติ กาหนดรู้ถึงอาการ เกิดดับของรูปนาม พิจารณาถึงการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของสภาวธรรมที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ทั้งในเวลานั่งหลับตา ลืมตา หรือในเวลาทางาน พร้อมที่จะกาหนดรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง การเกิดขึ้น การตั้งอยู่ ดับไป พร้อมที่จะเข้าใจในธรรมชาติของสภาวธรรมเหล่านั้นว่า เป็นเช่นนั้นเอง เป็นไปอย่างนั้น
เมื่อเราเห็นอาการเกิดดับของรูปนาม เห็นสัจธรรมความเป็นจริง เมื่อไหร่ จิตก็จะคลายจากอุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่นลดลงน้อยลง ความ ทุกข์น้อยลง เราก็จะเห็นว่า อะไรคือสาระ อะไรไม่เป็นสาระ อะไรคือสาระ ในปัจจุบัน อะไรคือสาระในอนาคต แล้วที่สุดแล้วเราต้องการสาระแบบไหน อะไรคือประโยชน์ปัจจุบัน ประโยชน์อนาคต และประโยชน์ที่เราต้องการ จริง ๆ คืออะไร... คือความไม่ทุกข์ คือนิพพาน คือความอิสระทางจิต ไม่ ถูกพันธนาการด้วยเครื่องพันธนาการทั้งหลาย ที่เป็นโลภะโทสะโมหะ เครื่อง


































































































   171   172   173   174   175