Page 177 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 177

153
อย่างไร ? เมื่อหลุดพ้นแล้ว ความอยากก็หายเอง เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วง หรอก ตอนนี้ยังไงก็ต้องอาศัยความอยาก คนยังหิว ร่างกายยังไม่แข็งแรง ก็ต้องอาศัยความอยาก จิตใจยังไม่เข้มแข็ง ยังไม่บริบูรณ์ ก็ต้องอาศัย ความอยาก เมื่อมันเต็มอิ่มแล้ว ความอยากมันก็หยุดเอง ถ้ามันไม่อิ่มเมื่อ ไหร่ ก็ยังอยากอยู่อย่างนั้นแหละ
การที่เราอยากหลุดพ้น เป็นเป้าหมายที่ชัดเจน เป็นตัวกระตุ้น เป็น ตัวคอยเตือนจิตเรา เหมือนการให้สัญญากับตัวเอง หรือเป็นการอธิษฐานจิต คนที่มีความอยากมาก ๆ ความเพียรก็จะมาก คนที่อยากน้อย ความเพียร น้อย คนที่ไม่อยากเลย ก็ไม่ทาเลย.. ไม่อยากจะหลุดพ้นหรอก ถ้าเราหลุด พ้นแล้วใครจะอยู่บนโลกใบนี้ ? ไม่อยากจะหลุดพ้น กลัวกิเลสหมด แล้วไม่ ได้อยู่ในโลกนี้ แสดงว่าติดโลกหรือติดภพอยู่ ทั้ง ๆ ที่คนเต็มโลกแล้วนะ
คิดง่าย ๆ เราไม่อยู่ คนอื่นเขาก็อยู่แหละ เห็นไหม เรามาที่นี่ ก็ยัง มีคนอยู่บ้าน พอเราไป ก็ยังมีคนอยู่ที่นี่ สลับสับเปลี่ยนเวียนว่ายตายเกิด อยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องห่วงว่าโลกนี้จะไม่มีใครอยู่หรอก ห่วงตัวเองเถอะ! จะ ไปอยู่ที่ไหน ไปอยู่โลกไหน อันนั้นสาคัญกว่า ไม่ต้องห่วงโลกว่าจะมีใครอยู่ หรือไม่อยู่ ห่วงตัวเองว่าจะไปอยู่โลกไหน จะไปเจอกับความทุกข์แค่ไหน จะ ไปเจอความสุขแบบไหน
พระพุทธเจ้าจึงให้พิจารณารู้ความจริง พระองค์รู้ว่าการเวียนว่ายตาย เกิดตั้งสี่อสงไขยกับแสนกัปป์นี่ ไปเจออะไรมาบ้าง เพราะพระพุทธเจ้าของ เราระลึกชาติได้ว่าไปเจออะไรมาบ้าง ภพชาตินี้ไปเกิดเป็นอะไร ภพชาตินั้น ไปเกิดเป็นอะไร ก่อนหน้านู้น... หลาย ๆ ร้อยชาติเคยเกิดเป็นอะไร ลาบาก แค่ไหน เพราะฉะนั้น เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้ รู้ถึงว่านี่เป็นทุกข์ นี่เหตุแห่ง ทุกข์ นี่คือข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ แล้วพิจารณาดูว่า ธรรมะที่พระองค์ ได้ทรงตรัสรู้นั้นเป็นธรรมะที่ลึกซึ้ง ละเอียดอ่อน ยากนักที่คนจะเข้าใจตาม ได้ง่าย ๆ หรือเข้าถึงตามได้ง่าย ๆ


































































































   175   176   177   178   179