Page 201 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 201

177
เป็นทุกข์” “คิดไม่ดี จิตเศร้าหมอง” และเราก็ปรารถนาไม่อยากจะให้เกิด ความเศร้าหมอง
และเรายิ่งเห็นอาการเกิดดับของรูปนามมากเท่าไหร่ เรายิ่งเห็นถึง “ความไม่มีแก่นสาร” ของอารมณ์ที่อยู่รอบตัวเรามากแค่นั้น แม้แต่รูปนาม อันนี้ไม่มีสาระ ไม่มีแก่นสาร ไม่มีอะไรให้เรายึดได้เลย ที่สุดแล้วกลับสู่ความ ว่างเปล่า สิ่งที่เรายึดได้หรือจะทาให้เราอิสระได้ก็คือ “ความว่าง” การทาจิต ให้ว่าง ไม่ถูกพันธนาการด้วยความโลภ ความโกรธ ความหลง “หลง” ใน อะไร ? ในรูปนามขันธ์ ๕ นี่แหละ
โลกที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ จัดเป็นธรรมชาติ เป็นกระแสที่เปลี่ยนไป โลก ก็หมุนไปตามธรรมชาติ ถามว่า เรามีอะไรที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ? คือ “รูปนาม” ของเราที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับโลก แต่เมื่อโลกมีการหมุน เราจะ “หลุดจากโลก” ได้อย่างไร ในเมื่อเราอยู่ในโลก ? เราก็ต้องไปอยู่บนอวกาศแล้วนะ จะได้ ไม่ต้องหมุนตามโลก ให้โลกหมุนไป ทีนี้ กระแสที่หมุนไปก็คือ การเวียนว่าย ตายเกิด เขาเรียก “วัฏสงสาร” โลกนี้หมุนไปตามธรรมชาติ แต่การเวียนว่าย ตายเกิดของเรา จิตของเราที่ไป “เกาะเกี่ยวยึดติด” กับแต่ละอารมณ์ แต่ละ ขณะ แต่ละเรื่อง นั่นล่ะคือ การที่เราหมุนตามกระแส
ทาอย่างไรถึงจะไม่หมุนตามกระแสนั้น ? จริง ๆ กระแสโลกมีหลาย อย่างที่มากระตุ้นความอยากของคนเรา ถ้าเขาหมุนของเขาอยู่ห่าง ๆ เราก็ไม่ เดือดร้อน แต่ด้วยกระแสโลกกระแสลมพัดเรา ถ้าไม่มั่นคง ก็จะพาเราไป ด้วย เดี๋ยวเรื่องนั้น เดี๋ยวเรื่องนี้ เข้ามาให้เรารับรู้ มาให้รูปนามนี้ได้ผัสสะ ได้กระทบ ได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง แล้วก็เกิดความชอบ ยินดี หรือจาเป็น ต้องทาตาม เพราะกระแสโลกเป็นตัวพาไป ถ้าเรายืนอยู่อย่างเดียว เราก็ล้ม ถ้าเราไม่คล้อยตามหรือเราไม่ปรับตัว เราก็เจ็บตัว ถ้าเขาพัดแรงแล้วเรายืน ขวางอยู่ เราก็เหนื่อย ทีนี้ ทายังไง ?
วิธีออกจากกระแส อย่างที่เราแยกรูปนาม เอาความรู้สึกว่าเป็นเรา


































































































   199   200   201   202   203