Page 213 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 213

189
ได้ปฏิบัติตาม เพื่อความดับทุกข์อย่างสิ้นเชิง นั่นคือความรักความเมตตาอัน ยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า
ทีนี้ มาอยู่ปัจจุบัน เราจะทาอย่างนั้นได้ไหม ? ปัจจุบันกับอดีตไม่ ต่างกัน เพราะความทุกข์ตัวเดียวกัน หน้าเหมือนกันเป๊ะเลย ใครก็ตาม เมื่อ ไหร่ก็ตาม ที่เป็นทุกข์ หน้าจะดาคร่าเครียด ใจก็จะรู้สึกอึดอัด ใครมีโทสะ มี ความทุกข์ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นปัจจุบันหรืออดีต ก็หน้าตาแบบเดียวกัน เป็น จิตดวงเดียวกัน ไม่ว่ากี่หมื่นปี จิตดวงนี้ก็ปรากฏขึ้น เพราะเป็นจิตที่เกิดขึ้น กับบุคคลทั่ว ๆ ไป เพราะฉะนั้น ใครก็ตามเจอกับอารมณ์ที่ไม่พึงปรารถนา ไม่ชอบใจ กระทบเข้ามา ก็เกิดความทุกข์
ทีนี้ ถ้าพูดถึงอารมณ์เหล่านั้นมีมากมายหลายอย่าง ที่พระพุทธเจ้า ให้โอวาทเอาไว้ว่า การไม่ทาบาปทั้งปวง เขาเรียก “สัพพปาปัสสะ อกรณัง” การไม่ทาบาปทั้งปวง ย่อให้สั้นลงแล้วเราทาได้ง่าย ๆ พวกเราทาได้ทุกคน คือไม่ทาบาปทางกาย ไม่ทาบาปทางวาจา ไม่ทาบาปด้วยใจของเรา ที่เรียก “กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม” ก็เริ่มจากกรรม “ทางใจ” ของเรา ใจ ของเราคิดเรื่องอะไร คิดเรื่องที่ดีหรือไม่ดี ถ้าเราคิดเรื่องที่ดี กรรมก็จะเป็น มโนกรรมที่ดีหรือเป็นกุศลกรรม ถ้าคิดเรื่องไม่ดี ก็เป็นอกุศลกรรมหรือ เป็นกรรมที่ไม่ดี
แค่เราคิด ผิดด้วยหรือ ? แค่คิด ถ้าผิดก็คือผิด ถูกก็ถูก คิดผิด แล้วส่งผลไหม ? ลองดูสิว่า ถ้าเราคิดถึงเรื่องที่ไม่ดี คิดถึงสิ่งที่ไม่ดี จิตใจเรา มีความสุขหรือเป็นทุกข์ ? เห็นไหม ง่ายนิดเดียว! เราพิสูจน์ว่า ถ้าคิดถึง เรื่องที่ไม่ดีเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเป็นของเราของคนอื่น คิดถึงเมื่อไหร่ใจก็เป็น ทุกข์ แล้วถ้าคิดแล้ว เจตนาไม่ดีด้วย ยิ่งทุกข์ใหญ่ เพราะความทุกข์นี้บีบคั้น ใคร ? บีบคั้นตัวเราเอง
เมื่อบีบคั้นตัวเราเองมาก ๆ ต่อไปก็จะไปบีบคั้นออกทางกาย ทาง วาจา แล้วก็จะไปบีบคั้นคนอื่นอีกต่อหนึ่ง ตรงนั้นแหละเขาเรียก “ครบ ๓


































































































   211   212   213   214   215